เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ เผยแพร่รายงานล่าสุดในวันจันทร์ (16) โดยระบุ ยอดหนี้สินทั้งของรัฐบาลอเมริกัน ภาคธุรกิจ ตลอดจนภาคประชาชนในเมืองลุงแซมล่าสุด มีมูลค่ารวมกันคิดเป็นเกือบ “60 ล้านล้านดอลลาร์” พร้อมชี้ คนอเมริกันมากกว่าครึ่ง มีหนี้สินท่วมหัว ยังต้องผ่อนทั้งบ้าน รถ และยังติดหนี้บัตรเครดิตมโหฬาร
ธนาคารกลางสหรัฐฯสาขาเซนต์หลุยส์เผยแพร่รายงานล่าสุดเกี่ยวกับหนี้สินของชาวอเมริกัน โดยระบุ เมื่อนับถึงช่วงสิ้น “ไตรมาสแรก” ของปี 2014 นี้ ยอดหนี้สินรวมของคนอเมริกัน ทั้งหนี้ที่ก่อโดยรัฐบาล บริษัทเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปได้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ “59.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” แล้ว ซึ่งหมายความว่า ยอดหนี้สินโดยรวมของชาวอเมริกันได้เพิ่มขึ้นเกือบ 500,000 ล้านดอลลาร์ นับจากช่วงสิ้นสุดไตรมาสสุดท้ายของปี 2013
ขณะเดียวกัน ยอดหนี้สินรวมล่าสุดของสหรัฐอเมริกาที่สูงถึงเกือบ 59.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังได้สร้างความวิตกให้กับบรรดานักเศรษฐศาสตร์ในเวลานี้ เนื่องจากหากย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีก่อน ยอดหนี้สินรวมของสหรัฐฯเพิ่งอยู่ที่ระดับ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์เท่านั้น
รายงานของเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ 56 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของชาวอเมริกัน ยังคงมีภาระหนี้สินที่เกี่ยวกับบ้านและรถยนต์ ขณะที่ยอดหนี้สินที่เกิดการใช้ “บัตรเครดิต” ในหมู่ชาวอเมริกันในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 8,800 ล้านดอลลาร์แล้ว และมีลูกหนี้บัตรเครดิตจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในภาวะที่ “ไม่สามารถชำระหนี้” ได้
รายงานล่าสุดของเฟดถูกเผยแพร่ออกมาเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแอริโซนาออกมาเผยแพร่ผลการศึกษาล่าสุดซึ่งพบว่า บรรดาบัณฑิตจบใหม่ที่เพิ่งได้งานทำในสหรัฐฯ ต้องใช้เงินเดือนของตนอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละเดือน หมดไปกับการ "จ่ายหนี้" และส่วนใหญ่ยังคงต้องพักอาศัยอยู่กับบิดามารดาของตน รวมถึงต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากสมาชิกในครอบครัวเป็นประจำ