เอพี - เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เครื่องบินไอพ่นของกองทัพปากีสถานหลายลำได้เปิดฉากถล่มแหล่งกบดานของกลุ่มหัวรุนแรงในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชนเผ่าในบริเวณพรมแดนอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีสมาชิกกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิตไปถึง 100 คนจากเหตุโจมตีระลอก 2 ในพื้นที่ดังกล่าว นับตั้งแต่เกิดเหตุปิดล้อมจู่โจมท่าอากาศยานเมืองการาจีครั้งรุนแรงเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน
ภายหลังเกิดเหตุโจมตีครั้งสะเทือนขวัญที่สนามบินอันพลุกพล่านที่สุดในประเทศ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 36 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นคนร้าย 10 คน รัฐบาลปากีสถานก็ถูกกดดันให้ต่อสู้กับกลุ่มกบฏที่เหิมเกริมขึ้นอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบงำประเทศมานานหลายปี ขณะที่ความพยายามในการเจรจากับกลุ่มหัวรุนแรงที่รัฐบาลปากีสถานเริ่มผลักดันเมื่อหลายเดือนก่อน ก็ดูจะยังไม่คืบหน้าไปไหน และเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับท่าอากาศยานก็ดูจะทำให้การเจรจาของทั้งสองฝ่ายประสบความสำเร็จได้ยากลำบาก
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง 2 คนเปิดเผยว่า เครื่องบินไอพ่นของกองทัพอากาศปากีสถานได้ตั้งเป้าโจมตีแหล่งซ่องสุมของกบฏ 8 แห่งในแคว้นวาสิรีสถานเหนือซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาติพันธุ์ต่างๆ โดยเชื่อกันว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวอุซเบกิสถาน และนักรบต่างชาติอื่นๆ
เจ้าหน้าที่อีก 2 คนระบุว่า หนึ่งในผู้ที่เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งนี้คือ อาบู อับดุล เรห์มาน อัล-มานี ซึ่งเชือกันว่าเป็นผู้ช่วยวางแผนปิดล้อมโจมตีท่าอากาศยานนาน 5 ชั่วโมงเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (8) ทั้งนี้ นักรบชาวอุซเบกิสถาน และกลุ่มตอลิบานในปากีสถานต่างก็ออกมาอ้างความรับผิดชอบในเหตุโจมตีท่าอากาศยานนานาชาติจินนาห์ทั้งคู่ โดยกลุ่มตอลิบานอัฟกานิสถานชี้ว่า ทั้งสองกลุ่มได้ร่วมมือกันก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นการร่วมมือกันก่อเหตุไม่สงบของกลุ่มติดอาวุธที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าหน้าที่ปากีสถานทั้งสองกล่าวว่า เครื่องบินขับไล่ได้เปิดฉากโจมตีขึ้นในเวลาที่กลุ่มหัวรุนแรงรวมตัวกันเพื่อหารือถึงประเด็นที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจขีดเส้นตายให้กลุ่มหัวรุนแรงออกจากพื้นที่
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดขอปิดบังชื่อ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยเรื่องนี้กับสื่อ และยังไม่มีฝ่ายใดออกมายืนยันข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ ถิ่นที่อยู่อาศัยของชนเผ่านั้นอยู่ห่างไกล อันตราย และยากที่สื่อมวลชนจะเข้าถึง
การโจมตีทางอากาศในวันนี้ (15) นับเป็นการก่อเหตุจู่โจมกลุ่มหัวรุนแรงทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศครั้งที่ 2 โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (10) เครื่องบินไอพ่นของกองทัพปากีสถานได้ตั้งเป้าโจมตีแหล่งกบดาน 9 แห่งในหุบเขาตีราห์ สถานที่ที่กองทัพระบุว่า มีกลุ่มหัวรุนแรงถูกสังหารไปทั้งหมด 25 ราย แต่ข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่แถบแนวพรมแดนอัฟกานิสถานที่มีสภาพเหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน ตลอดจนเป็นบ้านของกลุ่มหัวรุนแรงในท้องถิ่นหลายฝักหลายฝ่าย และนักรบต่างชาติที่มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์
การที่ขบวนการอิสลามแห่งอุซเบกิสถาน (Islamic Movement of Uzbekistan ) ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุจู่โจมท่าอากาศยาน นับเป็นการก่อเหตุโจมตีในปากีสถานของกลุ่มนี้ที่เกิดขึ้นน้อยครั้ง ขบวนการอิสลามแห่งอุซเบกิสถานก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1991 เพื่อโค่นล้มรัฐบาลอุซเบกิสถาน และตั้งระบอบปกครองอิสลามขึ้นมาในประเทศ แต่แล้วก็ขยายขอบเขตจุดมุ่งหมายจากอุซเบกิสถานเป็นทั้งภูมิภาคเอเชียกลางโดยทั้งหมด ทั้งนี้ เชื่อกันว่า องค์การนี้นี้มีฐานที่มั่นในแคว้นวาสิรีสถานเหนือ และเคยควบคุมสั่งการข้ามพรมแดน เพื่อจู่โจมกำลังทหารสหรัฐฯ และกองกำลังขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในอัฟกานิสถาน
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ นายกรัฐมนตรี นาวาซ ชารีฟ แห่งปากีสถานได้รับเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศเมื่อปีที่แล้ว ก็เนื่องจากเขาให้คำมั่นว่า จะยุติการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มติดอาวุธที่ยืดเยื้อมานานหลายปี ผ่านวิธีการเจรจา แทนการดำเนินปฏิบัติการทางทหาร ทว่ากลับมีการการเจรจาโดยตรง ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มติดอาวุธตอลิบานในปากีสถานเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความพยายามก็สะดุดหยุดชะงักไป จนตอนนี้ก่อให้เกิดการตั้งคำถามว่า ชารีฟจะมอบอำนาจให้กองทัพปากีสถานดำเนินปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มติดอาวุธเพิ่มหรือไม่