เอเอฟพี - ประชาชนชาวยูเครนร่วมกันไว้ทุกข์ทั่วประเทศวันนี้ (15 มิ.ย.) พร้อมให้คำมั่นว่าจะแก้แค้น ภายหลังที่กลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียยิงเครื่องบินลำเลียงของกองทัพยูเครนตก จนเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 49 ราย ในการก่อเหตุโจมตีที่คร่าชีวิตกองกำลังฝ่ายรัฐบาลไปมากที่สุดในคราวเดียวทางภาคตะวันออกของประเทศ
นอกจากนี้ ในวันนี้ (15) รัสเซียและยูเครนยังมีกำหนดหารือกันเรื่องก๊าซ เพื่อป้องกันไม่ให้การส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังหลายประเทศในทวีปยุโรปต้องขาดตอนเพราะยูเครนไม่ยอมจ่ายหนี้ค้าง
การเจรจาครั้งใหม่มีขึ้นหนึ่งวัน หลังกลุ่มผู้ประท้วงที่โกรธแค้นพากันทำลายกระจกหน้าต่าง และขว้างปาระเบิดเพลิงใส่รั้วสถานเอกอัครราชทูตเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟ เพื่อตอบโต้ที่กลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียยิงเครื่องบินลำเลียงทางทหารของกองทัพยูเครนตกในภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งมีเหตุไม่สงบปะทุขึ้นบ่อยครั้ง
สหรัฐฯ กล่าวหาว่า รัสเซียให้ความช่วยเหลือกลุ่มติดอาวุธใฝ่มอสโกในประเทศอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตแห่งนี้ ด้วยการส่งรถถัง และเครื่องยิงจรวดไปให้ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัฐบาลแดนหมีขาวออกมายืนกรานว่าไม่เป็นความจริง
ผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งในเมืองลูกันสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งถูกกลุ่มติดอาวุธยึดครอง และเป็นจุดที่อากาศยานลำดังกล่าวถูกโจมตี ได้นำซากเครื่องบินอิลยูชิน - 76 ที่มีสภาพไหม้ดำเป็นตอตะโก ในทุ่งสาลีที่อยู่ห่างจากด้านนอกสนามบินไปเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตรมาให้ดู
ชายผู้นี้ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “มุดชาเฮด” (นักรบศักดิ์สิทธิ์) กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวพยายามจะทิ้งเชื้อเพลิงลงมา หลังกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียยิงถูกเครื่องยนต์ของอากาศยาน เครื่องบินลำเลียงทางทหารแบบ 4 เครื่องยนต์ลำนี้ตกลงมาขณะพยายามร่อนลงจอดเป็นหนที่ 2 หลังที่ถูกโจมตีด้วยปืนกล
เขาร่ายประเด็นปัญหาซึ่งเป็นชนวนเหตุให้ภูมิภาคที่ประชากรส่วนใหญ่สื่อสารด้วยภาษารัสเซียรู้สึดไม่พอใจบรรดาผู้นำที่มีแนวคิดชาตินิยมในกรุงเคียฟ
มุดชาเฮดกล่าวว่า “พวกเขาบรรทุกปืนกล และเครื่องกระสุนมากับเครื่องบินลำดังกล่าว ... เราไม่ต้องการให้ใครมาสั่งเราว่าต้องทำอย่างไร”
ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเหล่าชาติตะวันตกได้ออกมาได้ออกมาให้คำมั่นว่า จะตอบโต้กลุ่มกบฏอย่างสาสมหลังการก่อเหตุโจมตี โดยเป็นการส่งสัญญาณว่าจะมีการเปิดฉากโจมตีกลุ่มติดอาวุธที่ต้องการแยกตัวจากยูเครนอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้นในไม่ช้า พร้อมทั้งประกาศให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมกันไว้อาลัยให้นายทหารที่เสียชีวิตในวันนี้ (15)
ภายหลังที่โปโรเชนโกออกมากล่าวได้ไม่นาน ฝูงชนหลายร้อยคนก็ระดมกันทำลายกระจกหน้าต่างสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียจนพังเสียหาย และคว่ำรถยนต์อันหรูหราของบรรดานักการทูต ก่อนจะใช้เสาไม้สอยธงชาติแดนหมีขาวลงมา
ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีในที่เกิดเหตุรายงานว่า หลังจากนั้น กลุ่มผู้ประท้วงก็เริ่มขว้างปาระเบิดเพลิงใส่กำแพงสถานเอกอัครราชทูต แต่เพียงไม่นานไฟที่ลุกไหม้ก็ดับลง
มอสโกได้ออกมาประณามท่าทีเฉยเมยของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงเคียฟว่าเป็น “การละเมิดพันธกรณีของนานาชาติขั้นเลวร้าย”
ทางด้าน สหรัฐฯ ก็ออกมากล่าวตำหนิกรุงเคียฟอย่างที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็น พร้อมเรียกร้องให้ บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรับผิดชอบปฏิบัติตามพันธกรณีในอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางทูต ที่กำหนดว่ารัฐจะคุ้มครองสถานที่ของคณะผู้แทนจากการบุกรุกหรือความเสียหายใดๆ
