เอเอฟพี - เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) จอมแฉโปรแกรมสอดแนมของอเมริกา กำลังแสวงหาหนทางขยายสถานะผู้ลี้ภัยในรัสเซียออกไปจากเดิม แม้เมื่อเร็วๆนี้เขาเคยบอกว่าประสงค์เดินทางกลับแดนลุงแซมหรือไม่ก็ไปใช้ชีวิตในบราซิล
อนาโตลี คูเชรีนา ทนายความของสโนว์เดน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ในวันพุธ(4) ว่า “ทุกอย่างเป็นปกติดี เรากำลังทำงานในเรื่องยื่นคำร้องขอขยายสถานะของเขา”
นายสโนว์เดน บินออกจากฮ่องกงมุ่งหน้าสู่รัสเซียเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน หลังจากสั่นสะเทือนสถาบันข่าวกรองของสหรัฐฯ ไปจนถึงแก่นกลาง ด้วยการเผยแพร่โปรแกรมสอดแนมอย่างกว้างขวางของอเมริกาและประเทศต่างๆทั่วโลก
กว่าที่เขาจะออกจากสนามบินเชเรเมทเยโวของกรุงมอสโกได้ ก็ต้องรอจนถึงวันที่ 1 สิงหาคมปีก่อน หลังจากได้รับสถานะผู้ลี้ภัยชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี และเมื่นเดือนที่แล้ว เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์โกโบลทีวีของบราซิล ว่า เขาอยากไปใช้ชีวิตที่บราซิล หลังจากการขอลี้ภัยชั่วคราวในรัสเซียจะหมดลงในเดือนสิงหาคมนี้
นายสโนว์เดนได้บอกกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า เขาได้ส่งหนังสือคำร้องขอลี้ภัยไปถึงหลายประเทศ รวมทั้งบราซิล แต่ยืนยันว่าเขาจะไม่มีวันนำเอกสารใดๆ มาแลกกับการได้รับที่ลี้ภัยที่ปลอดภัย เนื่องจากเขาเชื่อว่าการลี้ภัยทางการเมืองควรได้รับการอนุมัติด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม แต่ต่อมาทางกระทรวงการต่างประเทศบราซิลแถลงว่าพวกเขายังไม่ได้คำร้องขอลี้ภัยอย่างเป็นทางการจากนายสโนว์เดน
ในส่วนของวอชิงตันบอกว่ายินดีต้อนรับนายสโนว์เดนกลับบ้าน แต่เขาก็ต้องเผชิญการดำเนินการคดีในข้อหาเปิดโปงข้อมูลลับสุดยอดของประเทศ ซึ่งนับเป็นการช่วยเหลือศัตรูของสหรัฐฯ แม้ว่านับตั้งแต่ได้ลี้ภัยในรัสเซีย สโนว์เดนใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่บ้าง
ทั้งนี้ นายคูเชรีนาเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่รับงานเป็นทนายความให้สโนว์เดน เขาได้รับโทรศัพท์จากฮอลลีวูดแล้วหลายสาย ที่ประสงค์นำชีวิตของลูกความของเขาไปทำเป็นภาพยนตร์
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยแย้มก่อนหน้านี้ระหว่างกล่าวปราศรัยต่อเหล่าผู้นำภาคธุรกิจที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าเขาจะอนุญาตให้สโนว์เดน พำนักอยู่่ในรัสเซียต่อไป “เขาจะเลือกใช้ชีวิตอย่างไรนะเหรอ ตอนนี้เขาพำนักอยู่ในประเทศของเรา แต่วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ สิ่งที่เรายืนยันได้ก็คือ รัสเซีย ไม่ใช่ประเทศที่ส่งมอบเหล่านักสู้เพื่อเสรีภาพเสียด้วย”
