เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เผยโฉม แผนความมั่นคงในภูมิภาคยุโรปตะวันออกมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3.3 หมื่นล้านบาท) โดยแผนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อคลายความวิตกกังวลว่า ระบอบปกครองรัสเซียจะแผ่อิทธิพลครอบงำยุโรปตะวันออกอีกครั้ง และกลุ่มนิยมรัสเซียในยูเครนอาจลุกฮือขึ้นก่อเหตุรุนแรงมากยิ่งขึ้น
โอบามาเปิดฉากการเดินทางเยือนยุโรปครั้งสำคัญ ที่กรุงวอร์ซอ ของโปแลนด์ สถานที่ที่เขาจะเข้าร่วมงานครบรอบ 25 ปี ที่โปแลนด์จัดการเลือกตั้งเสรีขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้ทั้งประเทศนี้และชาติอื่นๆ ในยุโรปตะวันออกหลุดพ้นจากอำนาจของรัสเซีย และเดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนความเจริญรุ่งเรือง
อย่างไรก็ตาม หลังรัสเซียผนวกสาธารณรัฐไครเมีย อดีตดินแดนของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พิธีการที่มีความหมายในโปแลนด์คราวนี้ ก็ถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวว่า รัฐบาลแดนหมีขาวจะทวงสิทธิ์ในยุคสงครามเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แดนหมีขาวเคยแผ่อิทธิพลเกาะกุมดินแดนหลายแห่งในทวีปยุโรป
โอบามากล่าวภายหลังเยี่ยมเยียนหน่วยนักบิน F-16 ซึ่งประกอบด้วยนักบินจากสหรัฐฯ และโปแลนด์ว่า “คำมั่นสัญญาด้านความมั่นคง ที่เราให้ไว้กับโปแลนด์ ตลอดจนชาติพันธมิตรของเราในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความมั่นคงของเราเอง และเป็นสิ่งที่จะละเมิดมิได้”
จากนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เสนอจะมอบเงินช่วยเหลือมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นเงินสนับสนุนการส่งกำลังเสริม และทหารสหรัฐฯ เข้าไปประจำการตาม “ชาติพันธมิตรใหม่” ในยุโรปตะวันออก
แผนการ “สร้างความเชื่อมั่นแก่ยุโรป” ในประวัติศาสตร์ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาสหรัฐฯ เสียก่อน จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เช่น ยูเครน และจอร์เจีย เพื่อให้สามารถดำเนินงานร่วมกับสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรยุโรปตะวันตก ในการสร้างกองกำลังป้องกันประเทศของตน
วันพรุ่งนี้ (4) จะเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีโอบามา กับเปโตร โปโรเชนโก ว่าที่ประธานาธิบดียูเครนซึ่งมาจากการเลือกตั้ง และกำลังตกเป็นเป้าโจมตีจะได้พบกัน ในเวลาที่ยูเครนกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถลำลึกลงสู่วิกฤตสงครามกลางเมือง และผู้นำประเทศที่มีจุดยืนสนับสนุนตะวันตก กำลังต้องการการปกป้องจากสหรัฐฯ
ในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซีย ทางภาคตะวันออกของยูเครนอันเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม ได้ก่อเหตุรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังโปโรเชนโกกวาดคะแนนเสียงในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ด้วยการให้คำมั่นว่าจะยุติการต่อสู้โดยเร็ว และกอบกู้ประเทศที่มีประชากร 46 ล้านคนแห่งนี้จากพิษเศรษฐกิจ
กลุ่มติดอาวุธที่ต้องการแยกตัวจากยูเครนหลายร้อยคนได้ก่อเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดอีกครั้งหนึ่งวานนี้ (2) ด้วยการโจมตีค่ายกองกำลังพิทักษ์ชายแดนยูเครน ในเมืองลูกันสค์ ซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย
รายงานข่าวระบุว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ในกองทัพยูเครนเสียชีวิต แต่มีกลุ่มติดอาวุธใฝ่มอสโกเสียชีวิตไป 5 คนจากเหตุปะทะนาน 1 วัน ซึ่งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนใช้ปืนครกระดมยิงใส่ค่าย และส่งหน่วยซุ่มยิงขึ้นประจำการตามหลังคา ยอดตึกรอบฐานทัพ
อย่างไรก็ตาม วาซิล นิคิติน ชาวยูเครนซึ่งตั้งตนเป็นนายกรัฐมนตรีของลูกันสค์บอกเอเอฟพีว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของรัฐบาลกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเสียชีวิตในเหตุรุนแรง
วันนี้ (3) รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยยูเครนได้เรียกร้องให้ พลเรือนที่อยู่อาศัยทั่วพื้นที่รอบเหมืองถ่านหินในจังหวัดโดเนสค์ เก็บตัวอยู่ในบ้าน “เพื่อรักษาชีวิตของตนไว้”
โฆษกของปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้ายของยูเครน ทางภาคตะวันออกของประเทศกล่าวว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ (3) มีทหารของรัฐบาลกลางเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 13 คน ในการสู้รบใกล้เมืองลูกันสค์ อันเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธในจังหวัดโดเนสค์