เอเอฟพี/เอบีซี - ราคาน้ำมันวานนี้ (30 เม.ย.) ลงแรง ส่วนทองคำปรับเล็กน้อย หลังเศรษฐกิจไตรมาสแรกของสหรัฐฯ หยุดชะงัก แต่วอลล์สตรีทปิดบวก เหตุเฟดเชื่อจะกลับมาฟื้นตัวนับแต่นี้
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 99.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 91 เซ็นต์ ปิดที่ 108.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานประจำสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งเผยแพร่ในวันพุธ (30) พบว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 เมษายน เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 339.4 ล้านบาร์เรล เป็นสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันตลาดสหรัฐฯ ยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังจากรัฐบาลอเมริกา ประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม ต่ำกว่าที่คาดหมายไว้ อยู่ที่แค่ราวๆ ร้อยละ 0.1 บ่งชี้ว่าสภาพอากาศเลวร้ายช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก
อย่างไรก็ตามด้วยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศจะดีดตัวขึ้นนับตั้งแต่นี้ หลังผ่านพ้นวิกฤตสภาพอากาศหนาวเหน็บ ก็ช่วยผลักให้ดาวโจนส์วานนี้ (30) ปิดแตะระดับสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 45.47 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,580.84 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 5.62 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,883.95 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 11.02 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,114.56 จุด
ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยืนยันว่าภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลกระทบจากสภาพอากาศ และด้วยกิจกรรมทางเศษรฐกิจที่ดีดตัวขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ก่อมุมมองทางบวกแก่นักลงทุนในตลาด
กระนั้นก็ดี การที่เฟดเห็นว่าจะยังคงเดินหน้าค่อยๆลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ประกอบกับการขยายตัวที่หยุดชะงัก ก็ฉุดให้ราคาทองคำวานนี้ (30) ปิดลบในกรอบแคบๆ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 1,295.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์