เอเอฟพี - แม้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ จะให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกประทับใจที่ได้ลิ้มลองซูชิชั้นเลิศจากภัตตาคารระดับ 3 ดาวมิชลินในกรุงโตเกียวเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (23 เม.ย.) แต่กลับมีรายงานออกมาว่า ผู้นำสหรัฐฯ “วางตะเกียบ” ทั้งที่อาหารเพิ่งจะเสิร์ฟได้เพียงครึ่งเดียว
นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ที่ภัตตาคารสุกิยาบาชิ จิโร ซึ่งเป็นร้านซูชิชื่อดังในกรุงโตเกียว โดยผู้นำชาติมหาอำนาจทั้งสองต่างถอดเนคไท และดื่มสาเกด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง
อย่างไรก็ดี เช้าวันนี้ (24) กลับมีรายงานในสื่อญี่ปุ่นว่า แทนที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยเรื่องสัพเพเหระระหว่างลิ้มรสซูชิที่ได้ชื่อว่า “ดีที่สุดในโลก” จากฝีมือเชฟ จิโร โอโนะ ผู้ซึ่งปรากฏตัวในสารคดี “Jiro Dreams of Sushi” เมื่อปี 2011 ประธานาธิบดีโอบามากลับหยุดรับประทานกลางคัน และหันมาชวนผู้นำญี่ปุ่นหารือเรื่องความร่วมมือทางการค้าแทน
เจ้าของร้านยากิโทริซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ ภัตตาคารสุกิยาบาชิ จิโร ในชั้นใต้ดินของอาคารพาณิชย์เก่าแก่แห่งหนึ่ง ให้สัมภาษณ์กับโตเกียว บรอดคาสติง ซิสเต็ม ว่าผู้นำสหรัฐฯ วางตะเกียบหลังจากทานซูชิไปได้เพียงครึ่งคอร์ส และยังอ้างคำบอกเล่าจากพ่อครัวคนหนึ่งในร้านซูชิว่า บทสนทนาระหว่างโอบามากับอาเบะค่อนข้างจะเป็นทางการ
ฝ่ายผู้นำญี่ปุ่นนั้นคีบซูชิเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยจนครบคอร์ส โดยการเสิร์ฟของ จิโร โอโนะ เชฟมาสเตอร์วัย 88 ปี ซึ่งจะเสิร์ฟซูชิประมาณ 20 คำทีละชิ้น ตามจังหวะการรับประทานของลูกค้า
ผู้นำทั้งสองให้สัมภาษณ์ต่อกองทัพสื่อมวลชนและผู้คนที่มารอต้อนรับว่า การรับประทานอาหารค่ำมื้อนี้เป็นไปด้วยดี โดยโอบามากล่าวชมว่า “ซูชิที่นี่เยี่ยมมาก” ส่วน อาเบะ ก็บอกว่าตนได้หารือกับโอบามาหลายเรื่องในบรรยากาศสบายๆ
เช้าวันนี้ (24) โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ปฏิเสธที่จะระบุชัดเจนว่าผู้นำสหรัฐฯ ทานซูชิมากน้อยแค่ไหน โดยกล่าวเพียงว่า “เป็นความจริงที่ท่านรับประทานไปเยอะพอสมควร”
“เมื่อมองจากสีหน้าของประธานาธิบดีโอบามา ผมบอกได้เลยว่าท่านพอใจมาก... อาหารค่ำมื้อนี้มีส่วนสำคัญในการสร้างความสนิทสนมระหว่างผู้นำทั้งสอง และท่านได้พูดคุยกันในบรรยากาศที่เป็นกันเอง”
ความร่วมมือทางการค้าเป็นหนึ่งในอีกหลายประเด็นสำคัญที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะได้ถกกันตลอด 3 วันที่โอบามาเยือนแดนอาทิตย์อุทัย โดยผู้นำทั้งสองต่างเผชิญแรงกดดันให้ต้องคลี่คลายปัญหาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์และสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นยังไม่สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ได้