เอเอฟพี - ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (10 เม.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นกำลังสอบสวน วัยรุ่น 3 คนซึ่งต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังอุบายฉ้อโกงเงินมูลค่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 129 ล้านบาท)
รายงานข่าวซึ่งอ้างคำพูดเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า วัยรุ่นทั้ง 3 คนซึ่งมีอายุ 17 ปี เป็นตัวตั้งตัวตีในการก่อเหตุต้มตุ๋นหลอกลวงเหยื่อทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุให้จ่ายเงินจำนวนมหาศาล
ผู้ก่ออาชญากรรมซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ผมเอง” จะโทรศัพท์ไปหาเหยื่อ แล้วทำทีเป็นสมาชิกในครอบครัว เช่น ลูกชาย ที่กำลังเดือดร้อนเพราะปัญหาบางอย่าง เป็นต้นว่า มีหนี้สินต้องชำระ หรือต้องจ่ายเงินค่าทนายความ
บางครั้ง ผู้ลงมือก่อเหตุอาจโทรศัพท์มาหาเหยื่อ แล้วแสร้งทำเป็นตัวแทนของสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อ
ผู้ตกเป็นเหยื่อจะถูกร้องขอให้ส่งเงินจำนวนหนึ่งไปให้เพื่อแก้ปัญหา, เพื่อป้องกันไม่ให้ “ลูกชาย” ถูกจำคุก หรือตกเป็นเหยื่อของคนร้าย
แม้ว่าตำรวจแดนอาทิตย์อุทัยจะรณรงค์ให้ประชาชนระมัดระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพพวกนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าในแต่ละปีก็ยังมีคนจำนวนมากจนน่าตกตะลึงทั้งในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ หลงกลอุบายนี้
เหล่านักวิจารณ์ชี้ว่า ครอบครัวขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ต่างที่กันและญาติพี่น้องอาจไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปี เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงจะตกเป็นเหยื่อสูง
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติญี่ปุ่น (เอ็นเอชเค) รายงานว่า เมื่อล่าสุดตำรวจนครบาลโตเกียวสามารถจับกุมมิจฉาชีพกลุ่มนี้ได้ หลังชายวัย 64 ปี และภรรยาวัย 63 ปีถูกหลอกให้ส่งเงินกว่า 1 ล้านเยน (มากกว่า 317,000 บาท) ไปช่วยลูกชายสะสางปัญหากรณีทำผู้หญิงท้อง
เจ้าหน้าที่สามารถรวบมิจฉาชีพแก๊งนี้ได้ เมื่อสมาชิกอีกคนหนึ่งโทรศัพท์กลับไปหาเหยื่ออีกครั้ง เพื่อขอเงินเพิ่มอีก 1 ล้านเยน โดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับกระบวนการทางกฎหมาย
หนังสือพิมพ์โตเกียว ชิมบุนรายงานว่า ตำรวจตรวจพบบัตรเอทีเอ็ม 550 ใบ ที่วัยรุ่นชายจากโตเกียวและพื้นที่ปริมณฑลกลุ่มนี้ใช้ หรือกำลังวางแผนจะใช้ถอนเงินจากบัญชีของเหยื่อ