เอเอฟพี - เหล่านักธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ระบุว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.7 ริกเตอร์เขย่าชายฝั่งทางเหนือของชิลีวานนี้ (16 มี.ค.) ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิลูกย่อมๆ และกระตุ้นให้ทางการชิลีเร่งอพยพประชาชนใน 3 เมืองไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.16 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 04.16 ในเมืองไทย) ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด ภายหลังที่ก่อนหน้านี้ USGS ออกมาแจ้งว่าแผ่นดินไหวมีขนาด 7.0 ริกเตอร์
USGS รายงานความคืบหน้าว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองท่า อีกีเก ไปทางตะวันตก 60 กิโลเมตร และศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีความลึก 20 กิโลเมตร ทั้งยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายระลอก
ศูนย์เตือนภัยสึนามิแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกออกมาแถลงว่า “ระดับน้ำทะเลชี้ว่า อาจเกิดสึนามิ”
ศูนย์แห่งนี้ระบุเพิ่มเติมว่า “พื้นที่ตามแนวชายฝั่งซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวในรัศมี 200 เมตรอาจได้รับอันตราย”
“เรือ และโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณชายฝั่งมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายอีกหลายชั่วโมง เนื่องจากคลื่นรุนแรง”
ทางการชิลีได้เตรียมการรับมืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วยการสั่งอพยพประชาชน 1,000,000 คนในเมืองอารีกา, อีกีเก และอันโตฟากัสตา ซึ่งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของชิลี เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดสึนามิ “ขนาดย่อมๆ” ขึ้น ภายหลังที่สัญญาณเตือนอพยพดังอยู่ราว 3 ชั่วโมง
ทางด้านมะห์มูด อาลวย ปลัดกระทรวงมหาดไทยชิลี กล่าวกับบรรดาสื่อมวลชนว่า “การดำเนินการทุกอย่างดำเนินไปอย่างไร้ที่ติ เนื่องจากชิลีเป็นประเทศที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวอยู่แล้ว และผู้คนก็รู้วิธีการรับมือกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม”
เมื่อเดือนกันยายน ปี 2010 พื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ของชิลีต้องเผชิญกับเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงขนาด 8.8 ริกเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่ทำลายล้างพื้นที่ในหลายสิบเมือง
แรงสั่นสะเทือนครั้งนั้นได้คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 500 คน ทั้งยังสร้างความเสียหายให้โครงสร้างพื้นฐานถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ชิลี เป็นหนึ่งในประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก โดยมักเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในภาคเหนือของประเทศมานานแล้ว
