เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ข้อมูลล่าสุดระบุ จำนวนชาวอังกฤษที่มีบ้านเป็นของตนเอง มีแนวโน้มจะลดลงเหลือไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ชี้ภายในปี ค.ศ. 2041 ประชากรราวครึ่งหนึ่งของเมืองผู้ดีจะต้องใช้ชีวิตอยู่ใน “บ้านเช่า” จากการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูง สวนทางกับรายได้ของประชาชน
ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยกระทรวงการคลังของอังกฤษระบุ จำนวนประชากรเมืองผู้ดีที่มีบ้านเป็นของตัวเองในปีที่ผ่านมาได้ลดลงเหลือเพียง 65 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถือเป็นตัวเลขที่ลดลงจากระดับ 71 เปอร์เซ็นต์เมื่อทศวรรษที่แล้ว โดยที่มากกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนผู้มีบ้านของตัวเองในอังกฤษ 14.3 ล้านคนในขณะนี้ คือ กลุ่มประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ขณะเดียวกัน ยังพบแนวโน้มว่า สัดส่วนของประชาชนในสหราชอาณาจักรที่มีบ้านเป็นของตนเอง อาจลดลงต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลาไม่ถึง 30 ปีข้างหน้า
นาตาลี เอลฟิคเก ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยของกระทรวงการคลังอังกฤษเผยว่า เมื่อถึงปี ค.ศ. 2033 สัดส่วนผู้มีบ้านเป็นของตัวเองในเมืองผู้ดีจะลดลงเหลือ 55 เปอร์เซ็นต์ และจะลดลงเหลือเพียง 49 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2041
ผลสำรวจของกระทรวงการคลังอังกฤษล่าสุดระบุว่า หากไม่มีการปฏิรูปและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมในเร็ววัน ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศจะมีสถานะเป็นเพียง “ผู้เช่า” จากการที่บ้านและที่พักมีราคาถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับรายได้ของประชาชน
ทั้งนี้ ข้อมูลของทางการอังกฤษยังระบุว่า มีกลุ่มประชากรที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปีเพียง 1.4 ล้านคนเท่านั้นในเวลานี้ ที่มีบ้านเป็นของตัวเอง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วช่วงวัยดังกล่าวถือเป็นช่วงวัยแห่งการเริ่มต้นสร้างครอบครัว และการมีที่อยู่อาศัยของตัวเอง