เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - เมื่อวานนี้(2) ทั้งเอลซัลวาดอร์และคอสตาริกาได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งผลปรากฏว่า ผู้สมัครฝ่ายซ้ายจากทั้ง 2 ประเทศ “ซัลวาดอร์ ซานเชซ เซเรน” (Salvador Sánchez Cerén) จากพรรคแนวร่วมฟาราบุนโด มาร์ติ เพื่อการปลดปล่อยแห่งชาติ หรือ F.M.L.N ในเอลซัลวาดอร์ และ หลุยส์ กีแยร์โม โซลิส (Luis Guillermo Solis) อดีตนัการทูตในการเลือกตั้งที่คอสตาริกา สามารถกวาดคะแนนนำไปได้ แต่กระนั้นผลการเลือกตั้งยังไม่เด็ดขาดซึ่งต้องรอการตัดสินในการเลือกตั้งครั้งใหม่รอบ2
ที่เอลซัลวาดอร์ “ซัลวาดอร์ ซานเชซ เซเรน” (Salvador Sánchez Cerén) จากพรรคแนวร่วมฟาราบุนโด มาร์ติ เพื่อการปลดปล่อยแห่งชาติ หรือ F.M.L.N ที่ต้องการคว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ หลังจากที่พรรค F.M.L.Nประสบชัยชนะครั้งแรกในปี 2009 ในขณะที่ก่อนหน้านั้นผู้สมัครสายอนุรักษ์ได้ประสบความสำเร็จอยู่ในอำนาจมาตลอดตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดยุคสงครามกลางเมืองในแถบลาตินอเมริกา
ซานเชซ ที่เป็นอดีตผู้นำกองทัพปลดแอกเอลซัลวาดอร์ และเป็นรองประธานาธิบดีนั้นได้สัญญาจะขยายนโยบายสวัสดิการสังคมเพื่อสืบต่อจากนโยบายของประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ เมารีซีโอ ฟูเนส ที่เขาไม่สามารถลงชิงตำแหน่งได้เนื่องจากข้อจำกัดในสมัยการดำรงตำแหน่ง
รองประธานาธิบดีซานเชซที่ถูกนักการเมืองฝ่ายขวาของสหรัฐฯมองด้วยความระแวดระวังเนื่องจากประวัติการเป็นอดีตผู้นำกองโจรของเขา ได้สัญญากับเอลซัลวาดอร์ว่าจะประสานกับทุกฝ่ายเพื่อที่จะสามารถทำงานกับฝ่ายค้านในสภาได้ และผลการเลือกตั้งที่ออกมาหลังจากวันอาทิตย์(2)ได้ชี้ว่า เขามีคะแนนนำคู่แข่งอยู่เกือบ 10 จุด แต่ทว่ายังไม่พ้นเกณที่ต้องกลับไปเลือกตั้งใหม่ในรอบ 2
ซึ่งนักการเมืองฝ่ายขวาในเอลซัลวาดอร์ “ไม่อ้างอีกต่อไปแล้วว่าทั้งคิวบา และเวเนซุเอลาจะเข้ามาปกครองประเทศเหมือนกับที่พวกเขามักอ้างกันเมื่อ 5 ปีที่แล้ว” โฮเซ มาเรีย โตเฮรา อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยUniversidad Centroamericana ซึ่งมีความใกล้ชิดกับการเมืองเอลซัลวาดอร์เผย และยังเสริมว่า “ความกลัวในอุดมคติการเมืองแบบสุดโต่งได้หมดไปแล้ว”
โดยซานเชซต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองซาน ซัลวาดอร์ “นอร์มัน โนเอล กิฮาโน “ ( Norman Quijano ) จากพรรคสายอนุรักษ์ปีกขวา พันธมิตรสาธารณรัฐชาตินิยม หรือ Arena ที่ได้รับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้(2)มาเป็นอันดับ 2
ซึ่งกิฮาโนได้มีส่วนในการจัดให้มีข้อตกลงสันติภาพชั่วคราวระหว่างผู้นำของกลุ่มอาชญากร 2 กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ (กลุ่มMara Salvatrucha-13 (MS-13) และกลุ่มBarrio 18) ในปี 2012 ที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากรัฐมนตรีความมั่นคงภายใต้รัฐบาลของ ฟูเนส โดยเขาได้สัญญาจะส่งกำลังทหารไปตามล่ากลุ่มอาชญากรเหล่านี้ ซึ่งข้อตกลงนี้ถูกได้รับการยกย่องว่าสามารถช่วยลดอัตราฆาตกรรมลงได้อย่างมากถึง 40% แต่คดีประเภทอื่น เช่น การรีดไถ นั้นยังกลับเพิ่มสูงขึ้นต่อไป โดยผลจากการพบสุสานที่มี 24 ศพฝังอยู่ในนั้นเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาประกอบกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของชาวเอลซัลวาดอร์ในช่วงนั้นทำให้เป็นที่ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มอาชญากรอาจจะเพียงแค่ซ่อนการกระทำที่ผิดกฏหมายไว้ได้
แต่อย่างไรก็ตาม พรรคArena ของกิฮาโนนั้นก็ต้องเพลี่ยงพล้ำจากการที่อดีตประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ฟรานซิสโก โฟลเรส ถูกตรวจสอบการคอรัปชัน ซึ่งเขาได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทำนโยบายหาเสียงให้กับกิฮาโนจนกระทั่งถึงวันพฤหัสบดี(30 มกราคม) และก่อนหน้าที่จะถึงวันเลือกตั้งนั้น ฟูเนสได้ประกาศว่าที่ปรึกษาระดับสูงของกิฮาโนอีกคนเป็นนั้นตกเป็นผู้ต้องหาของตำรวจสากลในคดีอาชญากรรมทางเพศในปานามา ซึ่งจากข่าวฉาวทั้งหมดนี้ส่งผลสนับสนุนผู้สมัครที่มีคะแนนมาในลำดับ 3 อย่างอันโตนิโอ ซาคา อดีตประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ช่วงระหว่างปี 2004-2009
“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับประชาชนเอลซัลวาดอร์ในขณะนี้คือความปลอดภัย” หลุยส์ กอนซาเลซ วัย 58 ปี เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ได้ลงคะแนนให้กับซาคาเผย พร้อมกับกล่าวเสริมว่า “ในขณะนี้ประชาชนในประเทศได้เสียชีวิตลงเป็นจำนวนมากจากคลื่นอาชญากรรมรุนแรง”
ในด้านคอสตาริกาที่ต้องมีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรอบ 2 เช่นกัน โดย จอห์นนี อารายา (Johnny Araya) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองซานโฮเซ จากพรรคเนชันแนล ลิเบอร์เรชัน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลต้องตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้กับหลุยส์ กีแยร์โม โซลิส (Luis Guillermo Solis) อดีตนักการทูตคนนอกที่สามารถกวาดคะแนนนำไปได้เมื่อวานนี้(2)
ซึ่งในช่วงแรกของการลงสมัครคะแนนของอารายานำ แต่ทว่าเขาก็ต้องเสียคะแนนความนิยมเนื่องมาจากข่าวฉาวคอรัปชันของประธานาธิบดีหญิงคอสตาริกาเลารา ชินชียา (Laura Chinchilla) รวมทั้งความโกรธแค้นของประชาชนในประเทศต่ออัตราว่างงาน และอัตราอาชญากรรมที่สูง ซึ่งชินชียาถือเป็นผู้นำประเทศในแถบนี้ที่มีความนิยมที่ต่ำที่สุด
โดยในผลคะแนนที่ออกมาหลังจากการเลือกตั้งในวันอาทิตย์(2)ปรากฏว่า โซลิส ได้คะแนน 30.9% อารายาได้คะแนน29.6% และโฮเซ มาเรีย วิลลาตา (Jose Maria Villalta ) นักกฏหมายฝ่ายซ้ายได้ไปเพียง 17.2% ซึ่งผู้สนับสนุนวิลลาตานั้นอาจจะช่วยส่งให้โซลิสสามารถเอาชนะอารายา ผู้สมัครจากพรรครัฐบาลได้ในรอบต่อไป
และหากโซลิสสามารถปักธงเอาชนะอารายาได้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคอสตาริการอบ 2จะส่งผลถึงความสำเร็จของพรรคการเมืองกลางซ้ายที่สามารถชนะการเลือกตั้งได้ในประเทศแถบลาตินอเมริกาไม่กี่ปีมานี้
โซลิสที่ไม่เคยลงรับสมัครการเลือกตั้งมาก่อนได้ให้สัญญาชาวคอสตาริกาที่จะปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค รวมถึงระบบให้บริการสุขภาพขั้นพื้นฐานของประเทศ และขจัดคอรัปชัน
แต่ถึงแม้โซลิสจะสามารถชนะการเลือกตั้งได้ในที่สุด แต่เขายังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาประเทศที่หนี้สินสาธารณะของคอสตาริกามีจำนวนมากกว่าครึ่งนึงของ GDP ประเทศ