เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ออกมาแถลงปกป้องกิจกรรมล่าโลมา พร้อมวิงวอนให้ทั่วโลกเข้าใจว่าการโลมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ช่วยให้ชุมชนชาวประมงในญี่ปุ่นสามารถอยู่รอดได้
ประเพณีการล่าโลมาประจำปีที่เมืองไทจิ จังหวัดวากายามะ กำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกอีกครั้ง หลังจากที่ แคโนไลน์ เคนเนดี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงโตเกียว ได้โพสต์ทวิตเตอร์ต่อต้านการต้อนโลมาเข้ามาในอ่าวและสังหารอย่าง “ไร้มนุษยธรรม”
อย่างไรก็ดี ผู้นำญี่ปุ่นได้ออกมาแก้ต่างและให้เหตุผลสนับสนุนประเพณีที่ชาวประมงกระทำสืบทอดกันมานับร้อยๆ ปี
“การล่าโลมาที่เมืองไทจิเป็นวิธีทำประมงแบบดั้งเดิมซึ่งมีรากเหง้ามาจากวัฒนธรรมของชาวประมง และช่วยให้พวกเขามีรายได้เลี้ยงชีพ” อาเบะให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ซึ่งได้นำบทสัมภาษณ์มาเผยแพร่ลงเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (24)
“เราหวังว่าพวกคุณทุกคนจะเข้าใจ... ในทุกๆ ประเทศและทุกภูมิภาคย่อมจะต้องมีธรรมเนียมปฏิบัติและวิถีชีวิตที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น... ซึ่งผมมองว่าสิ่งเหล่านี้ควรจะได้รับการเคารพ” อาเบะ กล่าว
องค์กรปกป้องสิ่งแวดล้อม ซี เชปเพิร์ด ได้นำภาพกิจกรรมการล่าโลมาที่เมืองไทจิมาถ่ายทอดสดให้ชาวโลกได้รับรู้ หลังจากที่ประเพณีนี้กลายเป็นที่สนใจจากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง The Cove เมื่อปี 2010
กลุ่มที่สนับสนุนการล่าโลมาอ้างว่า นี่คือประเพณีท้องถิ่นของชาวประมงญี่ปุ่น และสัตว์ที่ถูกล่านั้นก็ไม่ใช่สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์แต่อย่างใด ซึ่งรัฐบาลโตเกียวก็หยิบยกประเด็นนี้มาอ้างเช่นกัน พร้อมตำหนิชาวตะวันตกว่า “สองมาตรฐาน” และไม่เคยใส่ใจว่ามีวัว, หมู และแกะอีกมากมายเท่าใดที่ถูกเชือดเพื่อตอบสนองการบริโภคของมนุษย์ในดินแดนอื่นๆ