รอยเตอร์ - อัยการเปรูยกเลิกการไต่สวนอดีตประธานาธิบดีอัลแบร์โต ฟูจิโมริ และคณะรัฐมนตรีในคดีบังคับ “ทำหมัน” ชนกลุ่มน้อยหลายพันคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายคุมกำเนิดเพื่อควบคุมจำนวนประชากรที่ยากจนในทศวรรษ 1990
อัยการ มาร์โก กุซมาน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (24) ว่า จากการสอบถามสตรีชนกลุ่มน้อยหลายร้อยคนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการคุมกำเนิดของรัฐบาลฟูจิโมริ พบว่าไม่มีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และไม่มีหลักฐานว่ารัฐบาลข่มขู่ให้ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้เข้าโครงการผ่าตัดทำหมัน
คดีดังกล่าวซึ่งถูกนำมาพิจารณาใหม่ในปี 2011 อาจทำให้ ฟูจิโมริ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำนานขึ้นไปอีก ภายหลังจากที่ถูกตัดสินจำคุกแล้ว 25 ปีในข้อหาคอร์รัปชันและตั้งหน่วยล่าสังหารจัดการกับกลุ่มติดอาวุธเหมาอิสต์ นอกจากนี้นักการเมืองหลายสิบคนที่เคยอยู่ในคณะรัฐมนตรีของเขา รวมไปถึง อาเลคันโดร อากีนากา โฆษกพรรคของฟูจิโมริ ก็อาจพลอยโดนหางเลขติดคุกไปด้วย
กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนสตรีชนกลุ่มน้อย 2,000 คนที่เรียกร้องให้มีการเอาผิดกับ ฟูจิโมริ และพวก ต่างแสดงความโกรธแค้นที่อัยการเปรูยกเลิกกระบวนการสอบสวน
“ถึงแม้ ฟูจิโมริ จะเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว แต่นักการเมืองอีกหลายคนที่มีส่วนในการละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่ในเปรู ยังคงได้รับความคุ้มกันอยู่” รอสซี ซาลาซาร์ ทนายความจากกลุ่มเอ็นจีโอ Demus ให้สัมภาษณ์
กลุ่ม Demus ประกาศจะยื่นอุทธรณ์การปิดคดีดังกล่าว
โครงการทำหมันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายคุมกำเนิดที่บังคับใช้ในเปรูช่วงทศวรรษ 1990 เพื่อลดจำนวนพลเมืองยากจน โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีมีสตรีชนกลุ่มน้อยถูกทำหมันไปราวๆ 400,000 คน
ฟูจิโมริ และ อากีนากา ยืนยันว่า สตรีทุกคนที่เข้าร่วมโครงการล้วนมาด้วยความเต็มใจ
เมื่อปี 2010 คณะกรรมการอเมริกันสากลเพื่อสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้รัฐบาลเปรูสอบสวนและเอาผิดกับบุคคลที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการตายของ มาเมริตา เมสตันซา วัย 33 ปี ซึ่งนักเคลื่อนไหวอ้างว่า เธอถูกเจ้าหน้าที่เปรูข่มขู่ให้ผ่าตัดผูกท่อนำไข่ (tube-tying) จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา