เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ชี้การสูบกัญชาไม่ได้มีอันตรายต่อสุขภาพมากไปกว่าการ “ดื่มเหล้า” แต่ยอมรับว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ขณะที่หลายรัฐในอเมริกากำลังเร่งผลักดันการจำหน่ายกัญชาอย่างถูกกฎหมาย
จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร เดอะ นิวยอร์กเกอร์ ฉบับวันอาทิตย์ (19) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความเป็นห่วงว่า เยาวชนกลุ่มน้อยที่มีฐานะยากจนมีโอกาสติดคุกเพราะสูบกัญชามากกว่าเด็กที่ฐานะร่ำรวย
“อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่า ตอนเป็นเด็กผมเคยสูบกัญชา และผมก็มองว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี และเป็นข้อเสียที่ไม่ต่างจากการสูบบุหรี่ ซึ่งผมเองก็สูบมาตั้งแต่เด็กยันเข้าสู่วัยผู้ใหญ่” โอบามา กล่าว
โอบามายอมรับว่า ตัวเขาเองไม่คิดว่าการสูบกัญชา “เลวร้าย” ไปกว่าการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็สั่งสอนบุตรสาว ซาชา กับ มาเลีย เสมอว่า “มันเป็นความคิดที่ไม่ดี เสียเวลา และส่งผลเสียต่อสุขภาพ”
ผู้นำสหรัฐฯ บอกกับนิตยสารชื่อดังอีกว่า “เด็กๆ ชนชั้นกลางมักไม่ค่อยติดกัญชา ในขณะที่เด็กยากจนมักจะเป็น”
“เด็กอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันและละตินมักจะมีฐานะยากจน ทั้งยังขาดแคลนทรัพยากรและการสนับสนุนที่จะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องถูกลงโทษรุนแรงเกินเหตุ”
ในประเด็นนี้เองที่ โอบามาใช้เป็นเหตุผลสนับสนุนการออกกฎหมายอนุญาตจำหน่ายกัญชาในรัฐโคโลราโดและวอชิงตัน
“สังคมไม่ควรปล่อยให้เกิดสถานการณ์ซึ่งคนกลุ่มใหญ่ละเมิดกฎหมายพร้อมๆกัน แต่กลับมีไม่กี่คนที่ถูกกฎหมายลงโทษ”
อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ยังสงวนท่าทีไว้บ้าง โดยชี้ว่ากฎหมายจำหน่ายกัญชาใน 2 รัฐดังกล่าวถือเป็น “การทดลอง” ที่ท้าทายพอสมควร และใครที่อ้างว่ากัญชาถูกกฎหมายจะช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ทุกด้านก็กำลัง “พูดเกินจริง” ไป
ผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่ถึงขั้นเรียกร้องให้ออกกฎหมายจำหน่ายกัญชาในระดับประเทศ
รัฐโคโลราโดและวอชิงตันมีเป้าหมายที่จะเปิดตลาดสันทนาการซึ่งทางการท้องถิ่นจะควบคุมการปลูกและจัดจำหน่ายกัญชาอย่างถูกกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนได้เสพกัญชาเพื่อความสุขชั่วครั้งชั่วคราว
รัฐโคโลราโดเริ่มประกาศใช้กฎหมายกัญชาไปแล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนที่รัฐวอชิงตันคาดว่าร้านจำหน่ายกัญชาจะเริ่มเปิดตัวราวๆ ปลายปีนี้