เอเอฟพี - คณะมนตรีความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (จีซีซี) ซึ่งประกอบด้วย 6 ประเทศที่ปกครองโดยราชวงศ์ กำลังวางแผนกระชับสัมพันธ์กับ “จีน” ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หลังเหนื่อยหน่ายกับท่าทีของสหรัฐฯที่ไม่ยอมส่งอาวุธช่วยกบฏซีเรีย และมีแนวโน้มจะญาติดีกับอิหร่านซึ่งถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
อับดุลลาตีฟ อัล-ซายานี เลขาธิการจีซีซี แถลงหลังการพบปะกับ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเมื่อวานนี้ (25) ว่า “จีซีซี มีความสนใจที่จะยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือกับจีน”
สื่อมวลชนรายงานคำพูดของหวัง อี้ ซึ่งระบุว่า ปักกิ่ง “ต้องการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ, การค้า และการลงทุน” กับกลุ่ม จีซีซี ซึ่งประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, กาตาร์, บาห์เรน, คูเวต และโอมาน และยังเอ่ยถึง “ความสัมพันธ์และความร่วมมือทางยุทธศาสตร์” ที่มีต่อกันมาก่อนหน้านี้
นอกจากซาอุดีอาระเบียแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศจีนยังได้ไปเยือนอิสราเอล, ดินแดนปาเลสไตน์, โมร็อกโก และแอลจีเรียอีกด้วย
สื่อซาอุฯ รายงานว่า หวัง จะได้เข้าพบเจ้าชาย ซาอุดี อัล-ไฟซอล รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือ “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ระหว่างปักกิ่งและริยาด ทว่าไม่มีการเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ราชวงศ์ในอ่าวอาหรับเริ่มหันมาผูกสัมพันธ์กับมหาอำนาจอื่นๆ เนื่องจากเบื่อหน่ายที่สหรัฐฯยังลังเลไม่ช่วยเหลือกบฎซีเรียอย่างเต็มที่ ทั้งยังมีท่าทียื่นไมตรีกับอิหร่านด้วย
ทั้งนี้ ราชวงศ์ในตะวันออกกลางซึ่งเป็นมุสลิมนิกายซุนนีก็มีความหวั่นเกรงเช่นเดียวกับชาติตะวันตกว่า อิหร่านจะสามารถพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ได้สำเร็จ โดยอาศัยโครงการนิวเคลียร์ที่อ้างว่า “เพื่อสันติ” มาบังหน้า
จีนและสหรัฐฯ อยู่ในกลุ่ม 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ บวกเยอรมนี (P5+1) ซึ่งได้เปิดเจรจาควบคุมนิวเคลียร์กับรัฐบาลอิหร่าน ขณะที่กลุ่มจีซีซีก็ได้ออกมาแสดงความชื่นชมอย่างระมัดระวังต่อข้อตกลงเบื้องต้นที่ประกาศออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน