เอเจนซีส์ - “เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” อดีตนักวิเคราะห์ข้อมูลของ NSA ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อนิตยสารไทม์ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวันพุธ (11) โดยหวังว่าการที่เขาได้เปิดเผยเอกสารลับของ NSA หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นให้รัฐบาลชาติต่างๆ รวมถึงสหรัฐฯมีความโปร่งใสมากขึ้น และในวันเดียวกัน (11) พลเอก คีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการหน่วยงาน NSA ได้เข้ายืนยันกับคณะกรรมาธิการยุติธรรมสภาสูงสหรัฐฯว่า สหรัฐฯยังมีความจำเป็นที่ต้องให้ NSA ยังคงสามารถดำเนินการโครงการสอดแนมต่อไปเนื่องจากภัยคุกคามสหรัฐฯนั้นมีเพิ่มขึ้น
เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ได้ให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์หลังจากชื่อของเขาถูกรับการคัดเลือกให้เข้ารอบติดหนึ่งในบุคคลประจำปีของนิตยสารไทม์ โดยชื่อเขาตามหลังโป๊ปฟรานซิสที่ได้รับการคัดเลือกในปีนี้
สโนว์เดนได้กล่าวว่า เขาได้เลือกหนทางของตนเองโดยการเผยแพร่เอกสารลับของหน่วยงานหลังจากที่ได้รับรู้ขอบเขตของการสอดแนมที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯกระทำโดยปราศจากการเปิดเผยให้พลเมืองของตนได้รับรู้
“สิ่งที่เราต่อต้านมากที่สุดเพราะรัฐได้กระทำการโดยที่ประชาชนอเมริกันไม่ได้ตระหนักเลยว่าโครงการนี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว ถึงแม้ว่าคนในอเมริกาส่วนใหญ่อาจจะคิดเล่นๆ ไปว่ารัฐบาลของพวกเขาอาจมีโครงการลับคอยสอดแนมพวกเขาอยู่ก็ตาม” สโนว์เดนให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสารผ่านทางอีเมล
นอกจากนี้สโนว์เดนยังอ้างว่า การที่เขาได้เสี่ยงภัยถึงชีวิตในการเผยแพร่ข้อมูลลับเหล่านี้ด้วยว่าเขาเห็นถึงภัยที่รัฐบาลสหรัฐฯได้กระทำในโครงการหาข่าวความมั่นคงเหล่านี้
“ถึงแม้ว่า NSA จะไม่ใช่หน่วยงานตำรวจลับ “สตาซี” (Stasi) ของเยอรมันตะวันออก แต่ทว่าสังคมควรจะจดจำถึงภัยที่มาจากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐได้ ที่ไม่ใช่การกระทำที่เปิดเผยโดยการดึงตัวผู้คนเข้าไปในมุมมืดเพื่อรีดข้อมูล แต่เป็นการวางรากฐานนโยบายทางความมั่นคงที่โครงการสอดแนมลับซึ่งได้รับการเปิดโปงนี้ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่ง” สโนว์เดนเผยต่อ
และสโนว์เดนยังตั้งความหวังว่า การแฉระดับโลกของเขาจะนำความโปร่งใสมาสู่สังคม โดยการทำให้ทั้งสังคมต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ที่รวมไปถึงบรรดาบริษัทเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ ระบบศาลสหรัฐฯ สภาคองเกรส และรัฐบาลสหรัฐฯ
ด้านพลเอก คีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการหน่วยงานNSAได้เข้ายืนยันกับคณะกรรมาธิการยุติธรรมสภาสูงสหรัฐฯในวันพุธ (11) ว่า สหรัฐฯยังมีความจำเป็นที่ต้องอนุญาตให้ NSA ยังคงสามารถดำเนินการโครงการสอดแนมต่อไปเนื่องจากภัยคุกคามสหรัฐฯนั้นมีเพิ่มขึ้น
โดยอเล็กซานเดอร์กล่าวในการเข้าให้ความเห็นต่อคณะกรรมาธิการเป็นเวลา 90 นาทีว่า “ทางหน่วยงานยังไม่เห็นหนทางอื่นที่ดีไปกว่านี้ มันเหมือนกับเข้าไปอยู่ในรังแตนและเราโดนรุมต่อย ซึ่งถ้าหากปล่อยให้โครงการสอดแนมนี้ต้องล่มไป ประเทศชาติอาจต้องล่มตามไปด้วย และนี่เป็นสิ่งที่ผมกลัว”
ซึ่งในต้นปี 2013 ที่ทางหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯได้อ้างว่าโครงการสอดแนมที่ถูกเปิดเผยโดยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน สามารถหยุดแผนก่อการร้ายไว้ได้ถึง 54 ครั้ง ซึ่งในภายหลังอเล็กซานเดอร์ยอมรับว่า เขา “กล่าวเกินจริง” และเมื่อวานนี้ (11) เป็นอีกครั้งที่อเล็กซานเดอร์อ้างว่า มี “คดีพิเศษ” ภายใต้กฏหมายรักชาติสหรัฐฯ(Under section 215 of Patriot Act) นั้นได้ใช้ metadata ในการช่วยสืบสวน
และอเล็กซานเดอร์ยังโยงไปถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลางว่า จะเกิดหายนะขึ้นหากโครงการสอดแนมต่างๆ ได้หยุดลงและไม่มีข้อมูลทางความมั่นคงเข้ามาในหน่วยงานเลย