รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - อาเหม็ด จาร์บา ประธานองค์กร “Syrian National Coalition” ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ออกโรงเรียกร้องในวันอังคาร (10) ให้บรรดาชาติเศรษฐีอาหรับผู้มั่งคั่งแถบอ่าวเปอร์เซียตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือชาวซีเรียนับล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองภายในประเทศที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011
ผู้นำองค์กรเอสเอ็นซีกล่าวระหว่างเข้าร่วมการหารือที่คูเวต กับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มชาติอาหรับผู้มั่งคั่งแถบอ่าวเปอร์เซียที่ประกอบไปด้วยซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน คูเวตและโอมาน โดยยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ชาวซีเรียที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมือง
ข้อเรียกร้องล่าสุดของผู้นำองค์กรเอสเอ็นซี ที่มีจุดยืนเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดในซีเรียมีขึ้น หลังมีข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งในซีเรียไปแล้วมากกว่า 100,000 ราย ขณะที่ชาวซีเรียอีกกว่า 6.5 ล้านคนต้องอพยพละทิ้งบ้านเรือนของตน ส่วนอีก 2.3 ล้านคนกลายเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ
ด้านชีคห์ ซาบาห์ อัล-อาหมัด อัล-ซาบาห์ เจ้าผู้ครองรัฐของคูเวต กล่าวสำทับถึงความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือชาวซีเรีย โดยระบุว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย ถือเป็นหายนะด้านมนุษยธรรมที่เลวร้าย ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรเร่งแสดงบทบาทของตนเพื่อยุติโศกนาฏกรรมนี้
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวทางการทูตในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียเผยว่า บรรดาชาติเศรษฐีอาหรับซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ต่อฝ่ายกบฏในซีเรีย ยังคงลังเลใจต่อข้อเรียกร้องของผู้นำองค์กรเอสเอ็นซี โดยเฉพาะในประเด็นที่ทางเอสเอ็นซีเสนอให้องค์กรของตัวเองเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเงินบริจาคและเงินช่วยเหลือต่างๆ “เพียงลำพัง” เนื่องจากบรรดาผู้นำทางการเมืองในกลุ่ม 6 ชาติอาหรับไม่เชื่อมั่นว่า เงินช่วยเหลือต่างๆจะตกถึงมือของประชาชนชาวซีเรียจริงหากปล่อยให้เอสเอ็นซีเข้ามาดูแลเพียงฝ่ายเดียว
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา คูเวตให้คำมั่นว่าจะบริจาคเงินช่วยเหลือชาวซีเรีย ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองราว 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 47,950 ล้านบาท) ขณะที่ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ต่างให้สัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือชาติละไม่น้อยกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 9,590 ล้านบาท) ส่วนกาตาร์ประกาศจะให้ความช่วยเหลือราว 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,200 ล้านบาท)