เอเจนซีส์ - แรงงานชาวเอเชียใต้หลายร้อยคนก่อเหตุจลาจลในสิงคโปร์เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (8) ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 18 ราย และยานพาหนะตำรวจถูกเผาวอดไปหลายคัน ซึ่งถือเป็นเหตุรุนแรงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบกว่า 40 ปี
ตำรวจสิงคโปร์แถลงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ย่านลิตเติลอินเดีย เมื่อชายชาวอินเดียวัย 33 ปีคนหนึ่งถูกรถบัสเอกชนพุ่งชนจนเสียชีวิต
ประชาชนราว 400 คนซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุต่างไม่พอใจ และกรูกันเข้าไปทำลายรถบัสต้นเหตุ รวมไปถึงยานพาหนะของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเข้าไปควบคุมสถานการณ์
ในจำนวนผู้บาดเจ็บนั้นมีตำรวจ 10 นาย, หน่วยป้องกันพลเรือน 4 คน, คนขับรถบัส และคนคุมรถรวมอยู่ด้วย ทว่าไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรง
ตำรวจเปิดเผยว่า แรงงานชาวเอเชียใต้ 27 คนถูกจับฐานก่อการจลาจล ซึ่งอาจมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี พร้อมทั้งถูกโบย (caning)
นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง แห่งสิงคโปร์ ได้มีถ้อยแถลงต่อเหตุการณ์นี้ว่า “ไม่ว่าการจลาจลจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ก็ไม่ถือเป็นข้ออ้างให้กระทำการรุนแรงและก่ออาชญากรรมได้... เราจะเร่งสืบหาตัวผู้กระทำผิด และนำมาลงโทษตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด”
จากภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ พบว่ามียานพาหนะถูกเผาไปถึง 5 คัน รวมถึงรถตำรวจ 3 คัน และรถพยาบาลของหน่วยป้องกันพลเรือน 1 คัน นอกจากนี้ผู้ประท้วงยังช่วยกันยกรถตำรวจจนพลิกคว่ำ และมีรถเอกชนได้รับความเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง
สถานการณ์สงบลง หลังจากหน่วยบัญชาการปฏิบัติการพิเศษและตำรวจกุรข่าเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ
“ผมขอบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่อาจรับได้จริงๆ การจลาจลทำลายทรัพย์สินไม่ใช่วิถีของชาวสิงคโปร์” อึ้ง จู ฮี ผู้บัญชาการตำรวจ แถลงต่อสื่อมวลชนในช่วงเช้ามืดวันนี้ (9)
ด้านบริษัทสื่อชั้นนำของสิงคโปร์ “มีเดียคอร์ป” รายงานว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นการใช้ความรุนแรงทางสังคมที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่เหตุจลาจลทางเชื้อชาติที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1969
สิงคโปร์ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะแรงงานจากเอเชียใต้ซึ่งจะเข้ามาทำงานในภาคการก่อสร้าง คนเหล่านี้จะออกมาจับจ่ายซื้อของและกินดื่มในย่านลิตเติลอินเดียทุกๆ วันอาทิตย์
เหตุจลาจลครั้งนี้ยังทำให้เกิดกระแสโจมตีแรงงานต่างชาติในสื่อสังคมออนไลน์สิงคโปร์ ทว่าเจ้าหน้าที่ก็ออกมาขอร้องให้ทุกฝ่ายใจเย็น และหยุดวิพากษ์วิจารณ์
ตามกฎหมายสิงคโปร์ ผู้ก่อการจลาจลที่พกพาอาวุธหรือสิ่งของใดๆที่อาจทำร้ายผู้อื่นจนเสียชีวิตได้ จะมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และอาจถูกโบยด้วย ซึ่งการโบยนี้ถือเป็นบทลงโทษสำหรับผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงเท่านั้น