รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี ฮัสซัน โรฮานี แห่งอิหร่านแถลงวันนี้ (10 พ.ย.) ว่าสิทธิในการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมของอิหร่าน อยู่ในขอบเขตที่จะไม่ยอมให้ประเทศไหนล่วงล้ำ อีกทั้งระบุว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ได้ปฏิบัติอย่างมีเหตุผลและปฏิภาณไหวพริบ ในช่วงการเจรจา สื่ออิหร่านรายงาน
เขากล่าวในการปราศรัยที่สมัชชาแห่งชาติอิหร่านว่า “เราได้บอกตัวแทนเจรจาจากชาติต่างๆ ว่าเราจะไม่ยอมจำนนต่อคำขู่ การคว่ำบาตร การลบหลู่ หรือการเหยียดหยามใดๆ และสาธารณรัฐอิสลามจะไม่ก้มหัวให้คำขู่คุกคามของมหาอำนาจชาติใดก็ตาม” สำนักข่าวนักศึกษาอิหร่าน (ไอเอสเอ็นเอ) ระบุ
“เราได้กำหนดขอบเขตที่ไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามา และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ที่รวมถึงสิทธิภายใต้กรอบกติกาสากล และสิทธิในการเพิ่มความเข้มข้น (ยูเรเนียม) ในอิหร่าน ก็อยู่ในขอบเขตนั้น” เขาเน้นย้ำ
เมื่อวานนี้ (9) การเจรจาระหว่างอิหร่าน กับชาติมหาอำนาจอีก 6 ประเทศ เพื่อหาทางออกเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ต้องประสบกับความล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมเจรจาระบุว่า ความเห็นที่ยังแตกต่างกันอยู่นั้นได้หดแคบลงมามากแล้ว และจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งภายใน 10 วันข้างหน้า เพื่อพยายามยุติข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมานานนับทศวรรษ
โรฮานี ผู้ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีเมื่อเดือนมิถุนายน คือหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของอิหร่าน ในการผลักดันข้อตกลงเรื่องโครงการนิวเคลียร์ เพื่อที่นานาชาติจะยอมผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เป็นต้นว่า อุตสาหกรรมน้ำมัน และการธนาคารของอิหร่าน
ทั้งนี้ คณะผู้เจรจาของโรฮานี กำลังผลักดันให้มีการเห็นพ้องในกรอบข้อตกลง ซึ่งจะระบุขั้นตอนต่างๆ เพื่อไขข้อข้องใจ ที่สหรัฐฯ สงสัยว่า เตหะรานพัฒนานิวเคลียร์เพราะหวังจะสร้างอาวุธ
สาธารณรัฐอิสลามได้กล่าวย้ำว่า ตนมุ่งหมายจะนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในเชิงสันติเท่านั้น และคณะผู้เจรจากล่าวว่า พร้อมจะทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุข้อตกลงดังกล่าว หาก “สิทธิ” ในด้านการเพิ่มความเข้มข้นนิวเคลียร์ของพวกเขา “ได้รับการยอมรับ” และบรรดาชาติมหาอำนาจยอมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร