เอเจนซีส์ – การสำรวจของสำนักวิจัย “แกลลัป โพลล์” ที่ทำเมื่อต้นเดือนตุลาคมพบว่า มีจำนวนชาวอเมริกัน 64% ที่รู้สึกว่าอาชญากรรมรุนแรงเพิ่มขึ้น ถือเป็นจำนวนชาวอเมริกันที่ลดลงจาก 68% ในการสำรวจครั้งก่อนที่ทำไว้ในปี 2011
ในวันพฤหัสบดี (31 ตุลาคม) สำนักสำนักวิจัยแกลลัป โพลล์ ได้เผยผลการวิจัยที่ทำไว้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ในเวลานี้มีจำนวนชาวอเมริกัน 64% ที่รู้สึกว่าการเกิดอาชญากรรมในประเทศของตนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตัวเลขนี้ต่ำกว่าจำนวนชาวอเมริกันในการสำรวจเมื่อปี 2011 ที่พบว่าราว 68% ของกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันในเวลานั้น เชื่อว่าอัตราอาชญากรรมในสหรัฐฯนั้นสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจที่ออกมาสวนทางกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วอัตราการเกิดอาชญากรรมรุนแรง ที่รวมถึงการข่มขืน ปล้น ทำร้ายร่างกายขั้นรุนแรงในเมืองลุงแซมนั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 1 ใน 3 จากปี 2010 ถึง ปี 2012 ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติกระบวนการยุติธรรมแห่งชาติสหรัฐฯ
นอกจากนี้ยังพบว่า คดีอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงการทำร้ายร่างกายขั้นเล็กน้อยนั้น ก็กำลังมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในสถิติอาชญากรรมช่วงปี 2011-2012 เช่นกัน
ขณะเดียวกันยังพบข้อมูลว่า อัตราการเกิดอาชญากรรมร้ายแรงในสหรัฐฯนั้นเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ในหมู่ประชากรเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ในปี 2012 แต่กลับมีจำนวนคงที่ในกลุ่มชาวอเมริกันผิวขาว และชาวอเมริกันเชื้อสายละตินอเมริกา
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงอาชญากรรมในท้องถิ่น จะพบว่ามีเพียงชาวอเมริกันจำนวน 41% จาก 1,000 คน ที่ร่วมการสำรวจเชื่อว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมในท้องถิ่นสูงขึ้น ซึ่งลดลงจากปี 2009 ที่พบว่าชาวอเมริกันที่มีจำนวนสูงถึง 51% ที่เชื่อว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมในท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น