รอยเตอร์ - รัฐบาลซีเรียได้ร่วมมือกับกลุ่มกบฏเมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) เพื่อเปิดทางให้ชาวซีเรีย 1,800 คน สามารถอพยพออกจากเมืองมูอาดามิยา ชานกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองกำลังของรัฐบาลปิดล้อมกลุ่มกบฏไว้ ทั้งนี้นับเป็นความร่วมมือจากสองขั้วตรงข้ามที่หาได้ยากยิ่ง แม้จะยังมีชาวบ้านอีกหลายพันคนที่ติดอยู่ในเมืองซึ่งขาดแคลนอาหาร น้ำ และยารักษาโรคแห่งนี้ก็ตาม
แหล่งข่าวจากกระทรวงสวัสดิการสังคมของซีเรียกล่าวว่า การอพยพประชาชนออกจากเมืองมูอาดามิยานั้นเดินหน้าไปได้ ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือขององค์การเสี้ยวเดือนแดงอาหรับ และองค์กรภาคประชาชนบางกลุ่ม
ชาวเมืองมูอาดามิยาคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับนักข่าวรอยเตอร์ โดยไม่เปิดเผยชื่อว่า “ก่อนหน้านี้ฉันมีชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัว แต่ตอนนี้ฉันเป็นอิสระ และปลอดภัยในความคุ้มครองของทหารแล้ว ขอบคุณพระเจ้า ที่นั่นไม่มีทั้งอาหาร และน้ำ พอออกมาได้แล้วทำให้รู้สึกเหมือนเกิดใหม่เลย”
ทั้งนี้ กองกำลังที่ภักดีต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดได้ใช้วิธีการปิดล้อม เพื่อให้กลุ่มกบฏถอนกำลังออกจากพื้นที่ของชาวบ้าน ในสงครามกลางเมืองที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วราว 150,000 คน อีกทั้งทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นที่อยู่ ขณะที่รัฐบาลซีเรียระบุว่า ชาวเมืองมูอาดามิยานั้นถูกกลุ่มก่อการร้าย “จับเป็นตัวประกัน”
การอพยพออกจากเมืองมูอาดามิยา ครั้งนี้นับเป็นหนที่ 3 แล้ว และองค์การสหประชาชาติเผยว่า มีผู้หญิงและเด็ก 3,000 คนได้เดินทางออกจากพื้นที่นี้ไปแล้ว
ทางด้าน กลุ่มกบฏเผยว่า มีประชาชนถึง 12,000 คนต้องประสบภาวะอดอยาก และล้มตายในเมืองนี้ ซึ่งพวกเขาบอกว่ามีพื้นที่ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ได้รับความเสียหายจากสงคราม
ฝ่ายนานาชาติกำลังกดดันให้ทางการซีเรีย เปิดทางแก่หน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้พวกเขาสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในเมืองซึ่งถูกปิดล้อม แต่พวกหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยกล่าวว่า พวกเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่
คุณแม่ ฟาเดีย ลาห์ฮัม แม่ชีในศาสนาคริสต์ ผู้ให้ความช่วยเหลือจัดการอพยพวานนี้ (29) กล่าวว่าเธอกำลังทำงานเพื่อช่วยประชาชนทุกคนที่ติดอยู่ในเมืองออกมา
“ทั้งรัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการสังคม ... อาสาสมัคร ทีมของเรา ชาวเมืองมูอาดามิยาทั้งที่อยู่ในเมือง และนอกเมือง ฝ่ายค้าน และแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ต่างก็ให้ความช่วยเหลือกันทั้งสิ้น” เธอกล่าว