เอเจนซีส์ - มียอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย โดยมี 6 รายเสียชีวิตในเยอรมนี จากเหตุการณ์ที่พายุเซนต์จูดที่มีความเร็วลม 191 กม .ต่อชั่วโมงถล่มยุโรป โดยเริ่มขึ้นฝั่งครั้งแรกในทางใต้ของอังกฤษ และเข้าต่อที่ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สวีเดน และบางส่วนทางตอนเหนือของฝรั่งเศส โดยผลของพายุทำให้รถไฟในอังกฤษและเยอรมนีต้องระงับการให้บริการ เที่ยวบินในเนเธอร์แลนด์อย่างน้อย 50 เที่ยวถูกยกเลิก ประชาชนฝรั่งเศสราว 42,000 ครัวเรือน และประชาชนอังกฤษราว 600,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้
พายุเซนต์จูดที่วัดในทะเลเหนือมีกำลังลมราว 191 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้ทำให้หญิงวัยรุ่นชาวอังกฤษวัย 17 ปี เสียชีวิตคาที่ภายในบ้านเคลื่อนที่เทรลเลอร์จากการที่ต้นไม้โค่นทับ และชายชาวอังกฤษวัย 50 ปี เสียชีวิตในรถของเขาในวัตฟอร์ด ที่อยู่ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน และในเมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ หญิงชาวดัตช์ถูกต้นไม้ล้มทับท่อนบนของร่างจนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตในเยอรมนีอีก 6 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเสียชีวิตจากต้นไม้ล้มทับรถที่เหยื่อขับอยู่ เช่นในเมืองเกลเซนเคียร์เซิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเยอรมนี ต้นไม้ได้โค่นทับรถของชายชาวเยอรมันที่มีเด็กนั่งไปด้วย นอกจากนี้มีเด็กเยอรมันอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บ
และในวันอาทิตย์ (27) มีนักแล่นเรือชาวเยอรมันและนักตกปลาชาวเยอรมันเสียชีวิต อ้างจากคำสัมภาษณ์ของตำรวจหญิงกับสื่อเยอรมัน นอกจากนี้เมืองฮัมบูร์กได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อบ่ายวานนี้ (28) และในเนเธอร์แลนด์ ชายชาวดัตช์เสียชีวิตเนื่องจากอิฐปลิวตกใส่ และในกรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก นั้นสามารถวัดความเร็วลมได้ 120 ไมล์ต่อชั่วโมง
นอกจากนี้พบว่า การบริการรถไฟในกรุงลอนดอนได้หยุดให้บริการชั่วคราว รวมไปถึงการหยุดให้บริการรถไฟในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของเยอรมัน และมีการยกเลิกเที่ยวบินอย่างน้อย 50 เที่ยวที่สนามบินชิปโพล เนเธอร์แลนด์ และสื่อเยอรมนีได้รายงานถึงปัญหาดีเลย์อย่างหนักที่สนามบินฮัมบูร์กและที่สนามบินดีซเซลดอร์ฟ
และในฝรั่งเศส มีการขาดไฟฟ้าใช้จำนวนกว่า 42,000 ครัวเรือนทางตอนเหนือของฝรั่งเศส จากรายงานพบว่า พายุเซนต์จูดได้พัดเข้าบริตทานีและนอร์มังดี ของฝรั่งเศสในช่วงเช้าวันจันทร์ (28) เป็นผลให้มีต้นไม้ล้มทับสายไฟ และทำให้ไฟฟ้าดับในบางพื้นที่ มีผู้หญิงถูกคลื่นซัดหายลงไปในทะเลจากหน้าผาที่ Belle-lle ในบริตทานี และในอังกฤษมีชาวอังกฤษมากกว่า 600,000 ครัวเรือนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ถึงแม้ว่าบางส่วนจะได้กลับมาใช้ในภายหลัง