เอเจนซีส์ – ผู้ชายที่บริโภควิตามินเสริมในปริมาณมาก มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้นราว 30 เปอร์เซ็นต์ คณะนักวิจัยระบุ
จากการเฝ้าศึกษาผู้ชาย 48,000 คน เป็นระยะเวลานานกว่า 2 ทศวรรษชี้ว่า การรับประทานวิตามินเสริมมากเกินไปอาจทำให้พวกเขาตกอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเป็นเนื้องอก ซึ่งมีโอกาสเป็นชนิดอันตรายร้ายแรง
คณะนักวิจัยกลุ่มนี้ได้เชื่อมโยงการบริโภควิตามินซีในปริมาณมาก เข้ากับความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากขั้นลุกลาม
ทั้งนี้ ผลการวิจัยซึ่งจัดทำขึ้นโดยวิทยาลัยสาธารณสุขศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ในเมืองบอสตัน สหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยออสโล ของนอร์เวย์ ฉบับนี้ ไม่ใช่งานวิจัยชิ้นแรกที่ชี้ให้เห็นถึงภัยอันตรายของการบริโภควิตามินเสริมมากเกินควร
มีการประมาณการว่า ประชากรผู้ใหญ่เกือบหนึ่งในสี่ของสหราชอาณาจักร รับประทานอาหารเสริม หรือวิตามินรวมที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นประจำ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยป้องกันพวกเขาไม่ให้เจ็บป่วยจากโรคหัวใจและมะเร็ง จึงทำให้ตลาดสินค้าเหล่านี้สามารถทำรายได้สูงถึงราว 500 ล้านปอนด์ต่อปี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิตามินความเข้มข้นสูงกำลังได้รับความนิยม และที่คนหันมารับประทานในปริมาณมากขึ้นก็เนื่องจากพวกเขาคิดว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพ โดยตัวอย่างของกรณีนี้คือ ตอนนี้ร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพพากันวางขายวิตามินซีขนาดเม็ดละ 1,000 มิลลิกรัม ทั้งที่ร่างกายของคนเรานั้นต้องการเพียง 40 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น ก็เพียงพอที่จะช่วยบำรุงเซลล์ให้แข็งแรง และช่วยฟื้นฟูร่างกายจากอาการเจ็บป่วย
ในงานวิจัยล่าสุด บรรดานักวิทยาศาสตร์มุ่งตรวจสอบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในวิตามิน และอาหารเสริมชนิดเม็ดนั้นสามารถลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้หรือไม่
ตั้งแต่ปี 1986 ถึงปี 2008 พวกเขาได้เฝ้าติดตามชาย 48,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 40 ถึง 75 ปี โดยทุกๆ 4 ปี พวกเขาจะให้ชายกลุ่มนี้ตอบแบบสำรวจ ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการรับประทานอาหารของพวกเขา จากนั้นทีมนักวิจัยก็ติดตามผลว่ามีใครป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร “International Journal Of Cancer” แสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของอาหารเสริมหรือวิตามินเสริมก็ตาม ไม่ได้ช่วยเพิ่มหรือลดความเสี่ยงของการเป็นเนื้องอกเลย ทั้งนี้สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่ต่อต้านกระบวนการที่เรียกว่าออกซิเดชัน ซึ่งทำลายเซลล์ในร่างกายมนุษย์ และการวิจัยมีสิ่งบ่งชี้บางประการที่แสดงว่า สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟนั้นมีฤทธิ์ในการป้องกันกระบวนการออกซิเดชันได้เล็กน้อย
ทว่า การค้นพบที่น่าตกตะลึงมากที่สุดในผลการวิจัยนี้ก็คือ ผู้ชายที่บริโภคสารต้านอนุมูลอิสระในรูปวิตามินเสริมในปริมาณมากที่สุดนั้น มีโอกาสจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากขั้นถึงตายได้มากกว่าคนที่รับประทานน้อยกว่า หรือไม่รับประทานเลยถึง 28 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ผู้ที่บริโภคสารต้านอนุมูลอิสระในรูปวิตามินเสริมในปริมาณมากที่สุดนั้น เสี่ยงเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดลุกลาม ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ลุกลามจากต่อมลูกหมากไปยังอวัยวะใกล้เคียงอื่นๆ อย่างรวดเร็ว และทำให้มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก
ทั้งนี้ คณะนักวิจัยกลุ่มนี้ได้ระบุในรายงานบับหนึ่งว่า “การบริโภคสารต้านอนุมูลอิสระในรูปของอาหารเสริมในปริมาณมากนั้น มีส่วนทำให้ผู้ชายเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดร้ายแรงถึงตาย และชนิดลุกลามเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยหลัก คือ วิตามินซี และการค้นพบครั้งนี้ควรได้รับการศึกษาลงลึกในรายละเอียดต่อไป”
แม้กระนั้น พวกเขาก็ได้เน้นย้ำว่า ต้องมีการศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้น และพวกเขายังไม่สามารถฟันธงได้ว่าวิตามินเสริมแบบเม็ดคือสาเหตุของโรคมะเร็งที่แท้จริง
มีความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งอาจจะรู้สึกไม่สบายมานานหลายเดือน ก่อนที่จะตรวจพบว่าตนเองเป็นมะเร็ง ทำให้เขารับประทานวิตามินเสริมในปริมาณมากขึ้น เพื่อป้องกันอาการต่างๆ อย่างความรู้สึกอ่อนเพลีย
ทางด้าน ดร.แคร์รี รักซ์ตัน จากสำนักงานข้อมูลด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากบรรดาผู้ผลิตอาหารเสริมได้โต้แย้งว่า “เป็นไปได้อย่างแน่นอนว่าคนกลุ่มนี้แสดงอาการที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมาก และรู้สึกอ่อนเพลีย ก่อนตรวจพบโรคเป็นเวลานานหลายเดือน แล้วโรคมะเร็งก็ไม่เกี่ยวข้องกับอาหารเสริมเลย”