เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในสหราชอาณาจักรชี้ บรรดาผู้นำภาคธุรกิจส่วนใหญ่ในเมืองผู้ดีให้การสนับสนุนนโยบายของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนที่ต้องการเปิดการเจรจาใหม่ถึงความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป (อียู) ก่อนที่จะมีการจัดลงประชามติภายในสิ้นปี 2017 ว่าอังกฤษจะอยู่ร่วมเป็นสมาชิก 1 ใน 28 ชาติของอียูต่อไปหรือไม่
ผลสำรวจที่จัดทำโดยกลุ่มล็อบบี้ทางธุรกิจที่เรียกตัวเองว่า “Institute of Directors” หรือ “IoD” ที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (18) ระบุว่า 57 เปอร์เซ็นต์ของบรรดาผู้นำภาคธุรกิจในสหราชอาณาจักรสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีคาเมรอน เปิดการเจรจากับสหภาพยุโรปใหม่ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปขนานใหญ่ภายในอียู ที่ถูกมองว่ากำลังกลายสภาพเป็นองค์กรที่ “หลงทาง” และ “ล้มเหลว” ในหลายด้าน
แต่ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจยังพบว่าหากมีการจัดลงประชามติในตอนนี้ ราว 49 เปอร์เซ็นต์หรือเกือบครึ่งหนึ่งของผู้นำภาคธุรกิจในอังกฤษจะเลือกให้อังกฤษอยู่ร่วมในสหภาพยุโรปต่อไป ส่วนกลุ่มตัวอย่างอีกราว 1 ใน 3 ระบุว่า ต้องการรอดูผลของการเจรจารอบใหม่ระหว่างรัฐบาลอังกฤษกับอียูก่อนว่าจะนำไปสู่การปฏิรูปในอียูได้มากน้อยเพียงใด แล้วจึงค่อยตัดสินใจว่า อังกฤษสมควรอยู่ในอียูต่อไปหรือไม่
ส่วนอีก 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำภาคธุรกิจในเมืองผู้ดีระบุว่า พวกเขาจะสนับสนุนให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกอียูทันที หากมีการจัดลงประชามติในเวลานี้
ไซมอน วอล์กเกอร์ ผู้อำนวยการใหญ่ของกลุ่มเคลื่อนไหว “IoD” ชี้ว่า แม้การรวมตัวเป็นตลาดเดียวที่มีประชากรรวมกันกว่า 500 ล้านคนของทั้ง 28 ประเทศจะเป็นเรื่องที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่า แต่ในเวลานี้ต้องยอมรับว่า ผู้คนจำนวนมากในสหราชอาณาจักรเริ่มเบื่อหน่ายและรับไม่ได้มากขึ้นต่อการแทรกแซงจากอียูในด้านต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ในประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายการจ้างงาน และประเด็นภายในประเทศอื่นๆ พร้อมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปที่จะนำไปสู่การจำกัดขอบเขตอำนาจของอียู ให้เป็นองค์กรกลางที่มีอำนาจชัดเจนและแคบลงกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจอีกชิ้นหนึ่งที่มีการเผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่จัดทำโดยสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งบริเทน ระบุว่า ราว 8 ใน 10 ของบรรดาเจ้าของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมเมืองผู้ดีขณะนี้ ต้องการให้อังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของอียูต่อไป เนื่องจากกังวลว่าการถอนตัวออกจากอียู อาจส่งผลกระทบที่เลวร้ายเกินกว่าที่ภาคธุรกิจจะยอมรับได้
