เอเจนซี - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ (13) ได้เข้าอพยพผู้คนออกจากเมืองแห่งหนึ่งในมลรัฐโคโลราโด ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ท่ามกลางวิกฤตน้ำท่วมฉับพลันที่คร่าชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 3 ศพ ซัดทำนบกั้นน้ำพังเสียหายและถนนหลายสายต้องจมอยู่ใต้บาดาล ขณะที่นักพยากรณ์อากาศเตือนว่าจะยังคงมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง
พายุฝนรุนแรงช่วงปลายฤดูร้อนที่ผิดปกตินี้ก่อปัญหาน้ำท่วมตามเมืองต่างๆทางตอนกลางของโคโลราโด แผ่ลามเป็นรัศมีราว 210 กิโลเมตร ไปตามแนวลาดทางตะวันออกของเทือกเขาร็อกกี จากเมืองฟอร์ท คอลลินส์ ใกล้เขตแดนไวโอมิง ไปจนถึงเมืองโบลเดอร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเดนเวอร์ เมืองเอกของรัฐโคโลราโด และที่เมืองโคโลราโด สปริงส์
แครี โบเวน นักอุตุนิยมวิทยาจากสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ บอกว่าฝนจะลดลงในวันศุกร์ (13) แต่ก็อาจมีฝนโปรยปรายเป็นพักๆ หนาเม็ดราว 2.5 เซนติเมตรซ้ำเติมเมืองโบลเดอร์และเมืองลาริเมอร์ ซึ่งได้รับผลกระทบหนักหน่วงอยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากกลุ่มฝนได้เคลื่อนไปทางทิศตะวันออก “เรายังคงคาดหมายว่าจะยังมีเหตุน้ำท้วมในบางพื้นที่ แต่ก็ไม่เลวร้ายเหมือนช่วง 2 วันที่ผ่านมา”
ด้านไมค์ บานูเอลอส โฆษกศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินโบลเดอร์ เคาน์ตี เผยว่าเจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันประเทศกำลังใช้รถบรรทุกเข้าอพยพผู้คนจากเมืองลียงส์ ที่อยู่ห่างไกล หลังจากเมืองแห่งนี้ซึ่งมีประชากรราวๆ 1,600 คน ถูกน้ำท่วมตัดขาดจากถนนสาย 36 โดยชาวบ้านต้องอยู่โดยปราศจากน้ำและไฟฟ้าเป็นเวลากว่า 48 ชั่วโมงแล้ว
ส่วน จอห์น ฮิคเคนลูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐบอกกว่าการอพยพคือเป้าหมายอันดับแรกและแนะนำประชาชนอยู่ห่างจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว “มันราวกับมีพายุลูกใหญ่ ผมจินตนาการเอาว่ามันอาจเป็กใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐเลย” ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา อนุมัติคำร้องขอความช่วยเหลือประสบภัยหายนะจากรัฐบาลกลาง ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐบาลกลางสามารถจัดเตรียมงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ในเมืองโบลเดอร์ เจ้าหน้าที่ระบุว่าได้เจอกับภาวะฝนเดือนกันยายนหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 1940 จุดชนวนกระแสน้ำไหลบ่าลงมาจากโบลเดอร์ แคนยอน ที่อยู่เหนือเมือง จนต้องอพยพประชาชนราว 4,000 คนในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (12) ขณะที่ลำธารโบลเดอร์ที่ไหลผ่านใจกลางเมือง ก็เอ่อล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมลานจอดรถและท้องถนที่อยู่ใกล้ๆ
ที่ลองมอนต์ ห่างจากเมืองโบลเดอร์ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 23 กิโลเมตร แม่น้ำเซนต์ วีเรน ก็ทะลักล้นคลิ่งและไหลข้ามถนนหลวงสายหลัก แยกเมืองเป็น 2 ฝั่ง โดย ฌอน ลูอิส ผู้ช่วยผู้จัดการเมืองระบุว่าประชาชนราว 7,000 ครัวเรือนต้องเคลื่อนย้ายตามคำสั่งอพยพและไปพักอาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว 2 แห่งที่จัดเตรียมไว้ ขณะที่กรมขนส่งมลรัฐโคโลราโด เผยเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (12) ว่าถนนหลายหลักหลายสิบสายทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐยังต้องปิดห้ามสัญจร หลังได้รับความเสียหายร้ายแรงจากอุทกภัย ดินถล่ม หินถล่มและซากหักพังอื่นๆ
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติระบุว่า ในช่วงเดือนนี้มีปริมาณฝนตกที่เมืองโบลเดอร์อย่างน้อยๆ แล้ว 31.24 เซนติเมตร กลายเป็นเดือนกันยายนที่มีฝนตกหนักที่สุดตลอดกาล ทำลายสถิติเดิมเมื่อ 73 ปีก่อน ซึ่งเดือนกันยายนปีนั้น มีปริมาณฝน 14 เซนติเมตร
รายงานข่าวระบุว่า พบผู้เสียชีวิต 1 ศพในอาคารที่พังถล่มหลังหนึ่งในเจมส์ทาวน์ เขตอพยพทางเหนือของเมืองโบลเดอร์ ส่วนอีก 2 คนเป็นชายและหญิงคู่หนึ่งที่รถยนต์ถูกซัดหายไปกับกรระแสน้ำทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง โดยตอนนี้สามารถกู้ศพชายได้แล้ว แต่สตรียังคงสูญหายและมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว ขณะที่เหยื่อรายที่ 3 ซึ่งมีการยืนยันแล้วนั้นเป็นชายคนหนึ่งที่ต้องมาจบชีวิตลงขณะกำลังสำรวจอุทกภัยในโคโลราโด สปริงส์