เอเอฟพี - หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ออกมาเตือนให้สหรัฐฯล้มเลิกความคิดที่จะโจมตีซีเรียฝ่ายเดียว เพราะจะทำให้ระเบียบของโลกเสียศูนย์ ทั้งยังบอกเป็นนัยๆ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรหลงคิดว่าอเมริกา “พิเศษ” กว่าชาติอื่น ล่าสุดทำเนียบขาวก็ออกมาแถลงโต้เมื่อวานนี้ (12) ว่าอย่างน้อยวอชิงตันก็เป็นชาติที่เห็นคุณค่าของสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งต่างจากมอสโก
ระหว่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และรัสเซียเดินทางไปยังนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อหารือแผนที่จะรวบรวมและทำลายคลังอาวุธเคมีของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียตามแผนประนีประนอมที่มอสโกเสนอเมื่อวันจันทร์(9) โฆษกทำเนียบขาว เจย์ คาร์นีย์ ก็ออกมาชี้ว่า รัสเซียเป็น “ชาติเดียว” ที่กล่าวหาว่ากบฏเป็นฝ่ายใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนซีเรียไปกว่า 1,400 ศพ และไม่มีชาติอื่นใดที่คิดเช่นนั้น
ปูติน ได้เขียนบทความตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ฉบับวานนี้ (12) โดยอ้างว่ากบฏซีเรียคือฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีที่ชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้นานาชาติส่งทหารเข้าแทรกแซง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกบฏเอง
ผู้นำรัสเซียยังฉวยโอกาสวิจารณ์ท่าทีของวอชิงตันให้หนักขึ้นไปอีก โดยอ้างถึงถ้อยคำที่ โอบามา แถลงจากทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (10) ว่า สหรัฐฯ มี “บทบาทพิเศษ” ที่จะต้องแสดงในเวทีโลก
“การส่งเสริมให้คนเชื่อว่าพวกเขาวิเศษกว่าคนอื่นนั้น ไม่ว่าจะด้วยแรงจูงใจใดๆ ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง... จริงอยู่ว่าเราทั้งหลายมีความแตกต่างกัน แต่เมื่อเราวิงวอนต่อพระเจ้า เราจะต้องไม่ลืมว่าพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาให้เท่าเทียมกันทุกคน” ปูติน ระบุ
โฆษกทำเนียบขาวชี้ว่า สหรัฐฯ ไม่รู้สึกแปลกใจเลยต่อคำพูดของประธานาธิบดีรัสเซีย
“ความจริงก็คือ รัสเซียเองที่กระทำในสิ่งตรงข้ามกับเรา ซึ่งย้ำให้โลกได้เห็นว่าเหตุใดอเมริกาจึงแตกต่าง” คาร์นีย์กล่าว
“สหรัฐฯ ต่อสู้เพื่อค่านิยมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศของเราเองและทั่วโลก เราเชื่อมั่นว่าความมั่นคงของประชาคมโลกจะถึงขั้นก้าวหน้า ก็ต่อเมื่อเด็กๆ ไม่ถูกผู้นำเผด็จการคนไหนเอาแก๊สพิษมารมจนตาย”
“และนี่ไม่ใช่ค่านิยมที่มีในรัสเซีย เป็นความจริงที่ว่าเสรีภาพในการแสดงของของรัสเซียนั้นตกต่ำลงเรื่อยๆ ในช่วง 10 กว่าปีมานี้”
