เอเจนซี - ส.ว.สหรัฐฯเผยเมื่อวันพุธ (11) ทางสมาชิกวุฒิสภาอาจเริ่มโหวตรับรองมติให้อำนาจใช้กำลังทหารกับซีเรียอย่างเร็วที่สุดสัปดาห์หน้า หากพบว่าความพยายามคลี่คลายวิกฤตด้วยวิธีทางการทูตนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ
เดิมทีคาดหมายว่าที่วุฒิสภาสหรัฐฯจะเปิดประชุมเต็มคณะ เพื่อรับรองมติให้อำนาจโจมตีซีเรียในสัปดาห์นี้ แต่แล้วก็ต้องเลื่อนออกไปหลังจากปะธานาธิบดี บารัค โอบามา ขอให้เหล่าสมาชิกรัฐสภารอจนกว่าจะทราบผลปฏิบัติของแนวคิดริเริ่มทางการทูตจากทางฝั่งรัสเซียที่เสนอให้ซีเรียส่งมอบอาวุธเคมีแก่นานาชาติ
อย่างไรก็ตามในวันพุธ (11) วุฒิสมาชิกหลายคนบอกว่าจะเดินหน้าลงมติต่อหากจำเป็น โดยอ้างว่าพวกเขารู้สึกว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องขู่ใช้กำลังเพื่อกดดันประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียต่อไป “ความเคลื่อนไหวตัดสินใจของวุฒิสภา จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของฝ่ายบริหาร ผมคิดว่ามันน่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า และผมไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าเราจะเปิดประชุมเพื่อลงมติในสัปดาห์หน้า” เบน คาร์ดิน สมาชิกคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภา จากพรรคเดโมแครตบอกกับผู้สื่อข่าว
คำพูดดังกล่าวมีขึ้นขณะที่ สมาชิกคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภาจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ต่างนัดประชุมหารือแยกกันในวันพุธ(11) เพื่อเหล่าผู้นำคณะกรรมาธิการสามารถประเมินทัศนคติของสมาชิกต่อสถานการณ์ในซีเรีย
ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการหารือแล้ว สมาชิกหลายคนคาดหมายว่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันก่อนที่สมาชิกวุฒิสภาตัดสินใจว่าจะก้าวย่างไปในทิศทางใด เนื่องจากต้องรอผลหารือระหว่างนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ในวันพฤหัสบดี (12) และวันศุกร์ (13) นี้ รวมไปถึงรอดูท่าทีจากสหประชาชาติด้วย
“ตอนนี้โฟกัสอยู่ที่เจนีวา และสหประชาชาติ และผมต้องการแน่ใจว่าเราจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่จะไปขัดขวางวิธีทางการทูตเพื่อคลี่คลายปัญหานี้” ริชาร์ด เดอร์บิน สมาชิกคณะกรรมาธิการ และแกนนำหมายเลข 2 ของเดโมแครตในวุฒิสภากล่าว
ในเวลาเดียวกันเหล่าสมาชิกวุฒิสภายังเดินหน้าแก้ไขร่างให้อำนาจในการพิจารณาแผนส่งมอบอาวุธเคมีที่รัสเซียสนับสนุน แต่หากไม่เป็นไปตามนั้น ร่างแก้ไขนี้ก็จะกำหนดช่วงเวลาอย่างจำกัดขีดเส้นตายแก่นายอัสซาด สำหรับส่งมอบอาวุธเคมี รวมทั้งให้อำนาจโจมตีหากว่าผู้นำซีเรียไม่ปฏิบัติตามคำสัญญา “มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าการรักษาความน่าเชื่อถือของการใช้กำลังทหารเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือขอบเขตที่เราพิจารณาและมันเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด” โรเบิร์ต เมเนนเดซ ประธานคณะกรรมาธิการกล่าว