เอเจนซี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-พรรคอนุรักษนิยมซึ่งเป็นฝ่ายค้าน คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปที่ “ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน” นอร์เวย์ เมื่อวันจันทร์ (9) ส่งผลให้นางเออร์นา โซลเบิร์ก ผู้นำพรรคฯจ่อขึ้นแท่นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของประเทศ
รายงานข่าวระบุว่า พรรคอนุรักษนิยมแห่งนอร์เวย์ (Hoyre) ซึ่งชูนโยบายตัดลดภาษี และปฏิรูประบบประกันสุขภาพ รวมถึงลดการพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมัน เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเหนือพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลในการเลือกตั้งทั่วไปในวันจันทร์ (9)
ชัยชนะครั้งนี้ส่งผลให้นางเออร์นา โซลเบิร์ก ผู้นำพรรคอนุรักษนิยมวัย 52 ปี กำลังจะได้ก้าวขึ้นครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นคนแรกนับตั้งแต่ปี 1996 เป็นต้นมา และถือเป็นสตรีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์นอร์เวย์ต่อจากนางโกร ฮาร์เล็ม บรุนด์ทลันด์ที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลของดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืนแห่งนี้
ผลการเลือกตั้งในนอร์เวย์ซึ่งขณะนี้มีการนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้วกว่าร้อยละ 80 ระบุว่า พรรคอนุรักษนิยมของนางโซลเบิร์ก พร้อมกับพันธมิตรทางการเมืองอย่างพรรคฝ่ายขวา “โพรเกรสส์ ปาร์ตี้” และพรรคการเมืองสายกลางอีก 2 พรรค สามารถคว้าที่นั่งในรัฐสภารวมกันได้แล้วกว่า 96 ที่นั่ง ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์เสียงข้างมากมาแล้วถึง 11 ที่นั่ง
ขณะที่พรรคเลเบอร์ของนายกรัฐมนตรีเยนส์ สโทลเทนเบิร์กและพันธมิตรสามารถคว้าที่นั่งมาได้เพียง 72 ที่นั่ง ส่งผลให้สโทลเทนเบิร์ก วัย 54 ปี ที่ครองอำนาจมานาน 8 ปีติดต่อกัน มีอันต้องก้าวลงจากอำนาจ เพื่อเปิดทางให้นางโซลเบิร์ก กลายเป็นผู้นำพรรคอนุรักษนิยมรายแรกที่ได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจนับตั้งแต่ปี 1990
ทั้งนี้ นอร์เวย์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีการจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงที่สุดในโลก กำลังประสบภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จากผลพวงของวิกฤตหนี้สินในชาติเพื่อนบ้านกลุ่มยูโรโซน แม้นอร์เวย์จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเงินยูโรก็ตาม ดังนั้นการชูนโยบายลดภาษีและปฏิรูปเศรษฐกิจ รวมถึงระบบประกันสุขภาพของพรรคฝ่ายค้านในการเลือกตั้งครั้งนี้จึง “ได้ใจ” บรรดาผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวนอร์เวย์ไปแบบเต็มๆ และเป็นเหตุให้พรรคฝ่ายค้านเป็นฝ่ายคว้าชัยอย่างถล่มทลาย