เอเจนซีส์ - วอชิงตันโพสต์รายงานว่า หน่วยงานข่าวกรองในประเทศแถบตะวันออกกลางคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียจะใช้ “อาวุธชีวภาพ” เพื่อป้องกันการโจมตีจากสหรัฐฯ
ในขณะที่ทั้งโลกกำลังจับจ้องการที่ซีเรียสะสมอาวุธเคมีอยู่นั้น หน่วยงานข่าวกรองของชาติในตะวันออกกลางกลับรู้สึกกังวลมากกว่าถึงอาวุธชีวภาพที่ซีเรียมีอยู่ไว้ในความตรอบครอง อ้างจากวอชิงตันโพสต์
ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีซีเรียตั้งแต่ปี 1971-2000และเป็นบิดาของประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด เขาเป็นผู้นำการวิจัยอาวุธชีวภาพเข้ามาสู่ซีเรียในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศ และรัฐบาลบุตรชายได้คิดต่อยอดผลิตเป็นอาวุธชีวภาพขึ้น
มีการเชื่อกันว่ากองกำลังของรัฐบาลอัสซาดนั้นไม่มีคลังอาวุธชีวภาพอยู่ในมือ แต่การข่าวคาดว่าซีเรียสามารถใช้สิ่งที่มีอยู่เพื่อสร้างเป็นอาวุธชีวภาพได้อย่างรวดเร็ว เช่น เชื้อไวรัสCamelpox หรือ ฝีดาษอูฐ และเชื้อไวรัส Cowpox หรือ ฝีดาษวัว ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับไข้ทรพิษ และสิ่งนี้ทำให้บรรดาประเทศที่มีชายแดนติดซีเรียทั้ง จอร์แดน อิสราเอล และตุรกีต่างเป็นกังวลใจมากที่มีความเป็นไปได้ว่า อาวุธชีวภาพของซีเรียสามารถถูกปล่อยกระจายออกมาจากหัวรบจรวดมิสไซล์หรือถูกแพร่ออกมาในที่สาธารณะด้วยคนเพียงคนเดียว
“เราต่างวิตกถึงแก๊สซารีน แต่ซีเรียมีอาวุธชีวภาพ และเมื่อเทียบแก็สซารีนกับอาวุธชีวภาพแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย” เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองตะวันออกกลางเผยกับสื่อสหรัฐฯ “เรารู้ว่าซีเรียมี และประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางต่างรู้ดี ส่วนสหรัฐฯรู้ดีที่สุดว่าซีเรียมีไว้ในครอบครอง”
โครงการอาวุธชีวภาพของซีเรียนั้นมีขนาดที่เล็กกว่าแต่มีความก้าวหน้าที่มากกว่าโครงการอาวุธเคมีที่สหรัฐฯมีหลักฐานว่าซีเรียได้ใช้จำนวนนับครั้งไม่ถ้วนในปี 2012
ซึ่งล่าสุดในวันที่ 21 สิงหาคมที่ปรากฏว่ามีการใช้อาวุะเคมีโจมตีกรุงดามัสกัสนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯตัดสินใจโจมตีซีเรียด้วยกำลังทางทหาร โดยล่าสุดในวันอังคาร(3)ที่ผ่านมา สหรัฐฯและอิสราเอลแอบทดสอบยิงจรวดมิสไซล์พิสัยกลางจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าซีเรียจะสามารถใช้อาวุธชีวภาพโจมตีแบบเดียวกับที่ใช้อาวุธเคมีอย่างได้ทันทีหรือไม่ ซึ่งจากรายงานในปี 2008 ของหน่วยงาน CSIS ที่เป็นหน่วยงานข้อมูลในการทำนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ เผยว่า “คำถามส่วนใหญ่มีขึ้นจากคาดเดาความสามารถของซีเรียในการต่อกรกับสหรัฐฯ” แต่อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนั้นสรุปทิ้งท้ายว่า “มันเป็นการยากที่จะออกแบบหัวรบจรวดมิสไซล์ให้สามารถแพร่กระจายอาวุธชีวภาพได้ แต่ทว่ามันไม่เกินความสามารถของซีเรีย”