รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยังคงล้มเหลวต่อการโน้มนาวใจพลเมืองสหรัฐฯส่วนมากให้เห็นชอบกับความคิดที่ว่า สหรัฐฯควรที่จะปฏิบัติการทางทหารโจมตีซีเรียอย่างจำกัด เพือเป็นการตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่ถูกสงสัยว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรีย ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำขึ้นโดยสำนักข่าวรอยเตอร์และสำนักวิจัยอิปซอส เผยวานนี้(4)
โดยประมาณ 56 เปอร์เซ็นต์ ของผู้เข้าร่วมการสำรวจความคิดเห็น กล่าวว่า สหรัฐฯไม่ควรเข้าไปแทรกแซงในซีเรีย ขณะที่มีเพียง 19 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่สนับสนุนท่าทีดังกล่าวของโอบามา และมีอีกราว 25 เปอร์เซ็นต์ ที่กล่าวว่า พวกเขาไม่รู้ว่าแนวทางปฏิบัติอย่างไหนคือท่าทีสหรัฐฯควรแสดงออก
ผลสำรวจชิ้นนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสำรวจมีแนวโน้มที่จะให้การสนับสนุนการโจมตีมากขึ้น ถ้าพวกเขาถูกถามอย่างเจาะจงในเรื่องการโจมตีด้วยอาวุธเคมี แต่ถึงกระนั้น ก็มีเพียงแค่ 29 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่กล่าวว่าสหรัฐฯควรเข้าแทรกแซง ขณะที่ 48 เปอร์เซ็นต์ ต่อต้านการแทรกแซง และส่วนที่เหลืออีก 24 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่า พวกเขาไม่ทราบ
โอบามา กล่าวเมื่อวันเสาร์ (31) ว่า ตัวเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าสหรัฐฯ ควรที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้รัฐบาลซีเรีย แต่เขาก็ได้นำเรื่องเข้าปรึกษาสภาคองเกรสเพื่อขอความเห็นชอบต่อปฏิบัติการนี้ ทั้งๆที่ทราบดีอยู่แก่ใจว่า ประชาชนชาวอเมริกันกันจำนวนมากแทบจะไม่มีความปรารถนาต่อพันธะทางทหารครั้งใหม่นี้เลย หลังจากสงครามในอิรักและอัฟกานิสถานที่ดำเนินมามากกว่าทศวรรษ
ความไม่เต็มใจของประชาชนชาวอเมริกันกันที่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในซีเรียนั้น เป็นดั่งกระจกที่สะท้อนได้อย่างชัดเจนถึงที่สุด ถึงแนวความคิดของประชาชนในสหราชอาณาจักร ซึ่งรัฐสภาผู้ดีก็ได้ลงมติไม่เห็นชอบการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอังกฤษ ที่เป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับในสหรัฐฯ 65 เปอร์เซ็นต์ของผู้ถูกสำรวจจากการสำรวจในเรื่องเดียวกันของทั้งสองสำนัก ต่างเห็นพ้องกับถ้อยแถลงที่ว่า "ปัญหาในซีเรียไม่ใช่กงการอะไรของเราเลย"
มีเพียง 29 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลของโอบามา ที่จะหนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ฝ่ายกบฎต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ขณะที่ 49 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วยกับท่าทีดังกล่าว และอีก 21 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่า พวกเขายังไม่รู้เลยว่า พวกเขาเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับยุทธวิธีแบบนี้