เอเจนซีส์ - เป็นอีกครั้งที่สมเด็จพระสันตะปาปาไม่ทำตามกฎที่เคร่งครัดของวาติกัน โดยล่าสุดโป๊ปฟรานซิสได้ก้มศรีษะให้กับพระราชินีมุสลิม “รานยา” แห่งจอร์แดน แทนที่ตามธรรมเนียมการพบ ในฐานะที่เป็นผู้นำของชาวคริตจักรนิกายโรมันคาทอลิกในโลกใบนี้กว่า 1.2พันล้านคน พระองค์จะเป็นผู้ได้รับการค้อมศรีษะจากผู้มาเยี่ยมที่โฮลีซี วาติกัน
ในขณะที่วาติกันมีธรรมเนียมปฎิบัติที่เคร่งครัดมานานนับหลายร้อยปี โป๊ปฟรานซิสผู้ที่ถูกเลือกให้เข้ารับตำแหน่งแทนโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 นั้นมักจะทำอะไรที่แปลกออกไป โดยล่าสุดในวันพฤหัสบดี(29)พระองค์ได้ก้มศรีษะให้กับสมเด็จราชินีแห่งจอร์แดน “รานยา” ซึ่งเป็นมุสลิม ในขณะที่พระองค์ทรงต้อนรับทั้งสมเด็จราชินีรานยาและสมเด็จพระราชาธิบดีที่ 2 แห่งจอร์แดน อับดุลลาห์ที่ 2 ที่โฮลีซี วาติกัน
“จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 19 แขกผู้มาเยี่ยมพระประมุขวาติกันต้องก้มลงจูบที่รองพระบาทของสมเด็จพระสันตะปาปา และธรรมเนียมการเข้าพบที่เคร่งครัดยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยทั้งหญิงและชายที่เข้าพบโป๊ปนั้นต้องคำนับพระองค์ แต่พระประมุขคาทอลิกองค์ปัจจุบันยังทรงปฎิบัติตนเหมือนเมื่อครั้งยังไม่ได้เข้าดำรงตำแหน่งและพระองค์ไม่ประสงค์ที่จะสนพระทัยที่จะทำตามธรรมเนียมวาติกันที่เคร่งครัดนั้น” พระระดับสูงของวาติกันเผยกับเดลีเทเลกราฟของอังกฤษ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โป๊ปฟรานซิสไม่ทำตามธรรมเนียมการเข้าเยี่ยมอย่างเป็นทางการของวาติกัน โดยก่อนหน้านั้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีหญิงแห่งอาร์เจนตินา คริสตินา เฟอร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ ได้เข้าพบกับโป๊ปฟรานซิสที่เป็นชาวอาร์เจนตินา 1 วันก่อนเข้าพิธีรับตำแหน่งประมุขคาทอลิก โดยสมเด็จพระสันตะปาปาได้แสดงความขอบคุณด้วยการจุมพิตที่แก้มหลังจากที่ เฟอร์นันเดซได้มอบของขวัญชุดพิธีชาตามแบบอาร์เจนตินา โดยเฟอร์นันเดซเผยภายหลังว่า “ในชีวิตของดิฉัน ไม่มีเลยสักครั้งที่จะคิดว่าได้รับการจุมพิตจากพระประมุขแห่งคริตจักร” และนอกจากนี้ประธานาธิบดีหญิงคนแรกแห่งบราซิล ดิลมาร์ รุสเซฟฟ์ ได้ถือโอกาสเริ่มเป็นผู้นำในการจุมพิตที่แก้มทั้งสองข้างของโป๊ปฟรานซิสเป็นการทักทายในระหว่างที่เธอเข้าพบพระองค์ที่วาติกันในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ซึ่งการ”โค้งคำนับ” ล่าสุดที่ผู้นำคริตจักรโรมันคาทอลิกส่งสัญญาณออกมา แสดงถึงการที่พระองค์ไม่มีเวลาให้กับธรรมเนียมปฎิบัติของวาติกัน
นอกจากส่งสัญญาณการโค้งคำนับแล้ว พระประมุขแห่งวาติกันยังอยู่ในช่วงเขย่าอำนาจระบบราชการของสำนักวาติกัน โดยพระองค์ต้องการปลดพระคาร์ดินัล ทาร์ซิสิโอ เบอร์โตเน ที่ทรงอิทธิพลออกจากตำแหน่งเลขาธิการใหญ่แห่งสำนักวาติกัน(เทียบเท่านายกรัฐมนตรีแห่งนครรัฐวาติกัน) โดยพระคาร์ดินัล ทาร์ซิสิโอ เบอร์โตเน ได้เข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่2006 โดยพระที่ทรงอิทธิพลผู้นี้ได้มีข้อติฉินในด้านการเลือกปฎิบัติ
โดยสื่ออิตาลีคาดกันว่ารายชื่อจากหนึ่งในสองที่อาจจะได้รับการเลือกเพื่อมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คนใหม่คือ อาร์คบิชอปบิเอโตร ปาโรลิน เอกอัคราชทูตแห่งวาติกันประจำเวเนซุเอลา และพระคาดินัลจูเซปเป มาร์เตลโล ประธานสมณกรรมาะการนครรัฐวาติกัน