เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - สวีเดนหนึ่งในประเทศที่มีความเท่าเทียมกันทางเพศมากที่สุดในโลก กำลังแตกแยกเป็นสองฝ่าย เนื่องจากมีขบวนการภาคประชาชนระดับรากหญ้าออกมาเคลื่อนไหวปกป้องสิทธิสตรีในการสวม “ฮิญาบ” หรือผ้าคลุมศีรษะของสตรีมุสลิม โดยปรากฏว่าเหล่านักการเมือง และผู้มีชื่อเสียงออกมาสนับสนุน ขณะนักวิจารณ์ต่างชี้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้กำลังส่งเสริมสัญลักษณ์ของ “การกดขี่” สตรี
หญิงชาวสวีเดนหลายร้อยคนพากันโพสต์รูปถ่ายตัวเองสวมผ้าคลุมศีรษะลงในเว็บไซต์สังคมออนไลน์เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับหญิงมุสลิมท้องแก่คนหนึ่งที่แจ้งว่าเธอถูกทำร้าย เพราะสวมฮิญาบนอกกรุงสตอกโฮล์มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบหาพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการก่อเหตุอาชญากรรมจากความเกลียดชัง และได้จุดชนวนให้มีคนออกมาประท้วงในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก
บรรดานักการเมืองฝ่ายซ้ายและผู้มีชื่อเสียงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหนุนหลังการเคลื่อนไหวนี้ ที่เรียกว่า “การขอร้องด้วยฮิญาบ” ด้วยการทวีตรูปของพวกเขาขณะสวมผ้าคลุมศีรษะตามประเพณีของศาสนาอิสลาม
ภายในวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) ประชาชนกว่า 2,000 คนต่างโพสต์รูปภาพของตนเองแล้วใส่แฮชแท็กว่าเป็น “การขอร้องด้วยฮิญาบ” ผ่านอินสตาแกรม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นภาพของผู้หญิงจากต่างความเชื่อทางศาสนาสวมผ้าคลุมศีรษะ
เฟซบุ๊กหน้า “เหตุการณ์” ซึ่งกลุ่มนักเคลื่อนไหวเป็นผู้จัดตั้งขึ้นนี้ สามารถรวบรวมผู้เข้าร่วมได้ถึง 10,000 คน ทว่าต้องถูกลบทิ้งไปหลังจากส่วนแสดงความคิดนั้นล้นทะลักไปด้วยข้อความของพวกเหยียดเชื้อชาติและเหยียดเพศ
“อาชญากรรมจากความเกลียดชังสตรีมุสลิมเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้” ฟูแจน รุสเบห์ หนึ่งในผู้จัดการณรงค์นี้กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิจารณ์ตอบโต้โดยชี้ว่า การรณรงค์ครั้งนี้กลับทำให้ความทุกข์ทรมานของหญิงที่ถูกบังคับให้คลุมฮิญาบทั้งในสวีเดนและในประเทศอื่นๆ กลายเป็นประเด็นที่ไม่สำคัญ
“ดิฉันส่งเสริมการประท้วงเรื่องที่หญิงมุสลิมคนนั้นถูกทำร้ายแน่นอน ด้วยการพูดและการจัดการชุมนุม” เป็นคำกล่าวของซารา โมฮัมหมัด ประธานมูลนิธิการกุศลเพื่อเหยื่อของอาชญากรรมที่ก่อขึ้นโดยอ้างเหตุผลเรื่องเกียรติยศ
แต่ “ไม่ใช่ด้วยวิธีสวมผ้าคลุมศีรษะที่ทั่วโลกต่างก็รับรู้ว่า เป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่สตรีในศาสนาอิสลาม ประเพณีนี้ไม่เพียงแต่ถูกนำมาบังคับใช้กับผู้หญิงในอิหร่านหรือซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่กลายเป็นเครื่องมือเพื่อเผยแพร่แนวคิดแบบให้ศาสนาอิสลามพัวพันกับการเมือง (Political Islam) โดยเฉพาะที่อยู่ในโลกตะวันตกไปเสียแล้ว”
เหล่านักการเมืองชาวสวีเดนซึ่งคลุมฮิญาบในสัปดาห์นี้ มักจะไม่ค่อยสนับสนุนกลุ่มต่อสู้เพื่อสิทธิที่จะไม่สวมผ้าคลุมศีรษะ ที่บางครั้งต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อทำสิ่งนี้” โมฮัมหมัดแสดงความเห็นต่อ
“การกระทำเช่นนี้เป็นมาตรการที่ไม่ฉลาดแต่ได้รับความนิยม ซึ่งวางแผนขึ้นมาเพื่อหวังดึงคะแนนเสียงจากชุมชนชาวมุสลิม” เธอระบุ
แต่สำหรับ รุสเบห์ เธอโต้แย้งว่าพวกนักวิจารณ์การรณรงค์ให้สวมฮิญาบในสวีเดนกำลังหลงประเด็น
“เราเองไม่ได้พยายามเพิกเฉยต่อประสบการณ์ที่ผู้ถูกบังคับให้คลุมศีรษะต้องเผชิญ … แต่การรณรงค์ของเราขณะนี้กำลังยึดสตรีที่สวมฮิญาบโดยสมัครใจเป็นหลัก ผู้หญิงเหล่านี้ควรมีสิทธิที่จะทำเช่นนั้นโดยไม่ถูกทำร้าย” เธอกล่าว