เอเอฟพี - ชาวฟิลิปปินส์ทั้งในกรุงมะนิลาและจังหวัดใกล้เคียงวิงวอนให้ภาครัฐเร่งช่วยเหลือ หลังพายุฝนที่เทกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตาในฤดูมรสุมปีนี้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 7 ราย ขณะที่กรุงมะนิลาบางพื้นที่มีน้ำท่วมสูงแทบไม่ต่างจากเมืองบาดาล
ปริมาณน้ำมหาศาลที่ตกลงมาจากฟ้าได้เอ่อท่วมบ้านเรือนและยานพาหนะในเมืองหลวงฟิลิปปินส์ซึ่งมีประชากรราว 12 ล้านคน ชาวเมืองต้องขนข้าวของไปอาศัยอยู่ตามศูนย์ผู้อพยพ ขณะที่บางคนยังคงติดอยู่ภายในบ้าน
รายงานล่าสุดจากสำนักงานพัฒนาเขตเมโทรมะนิลาเช้าวันนี้ (20) ระบุว่า กรุงมะนิลาถูกน้ำท่วมไปแล้วกว่า 60% บางแห่งระดับน้ำสูงถึง 2.1 เมตร
เอสเปรันซา กายานัน ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติฟิลิปปินส์ แถลงว่า บางพื้นที่ในกรุงมะนิลามีฝนตกลงมามากถึง 47.5 เซนติเมตรภายในเวลา 24 ชั่วโมงจนถึงเช้าวันจันทร์ (19) ซึ่งมากพอๆกับปริมาณฝนปกติในเดือนสิงหาคมทั้งเดือน
แม้จะยังไม่มีผู้เสียชีวิตในกรุงมะนิลา แต่จังหวัดทางตอนเหนือซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมพบผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยแล้วอย่างน้อย 4 ราย ซึ่งทำให้ยอดผู้เสียชีวิตบนเกาะลูซอนทั้งหมดเพิ่มเป็น 7 ราย ตามข้อมูลจาก เรย์นัลโด บาลิโด โฆษกสภาจัดการภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์
ปัญหาน้ำท่วมเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของเมืองตากาล็อก เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์, โรงเรียน และสถานที่ราชการต่างๆ ยังต้องปิดทำการต่อเนื่องในวันนี้(20) เป็นวันที่สอง
ถนนที่มุ่งสู่สนามบินกรุงมะนิลามีน้ำท่วมสูงจนไม่สามารถใช้การได้ และมีเที่ยวบินในประเทศถูกยกเลิกไปแล้วหลายเที่ยว ขณะที่เที่ยวบินระหว่างประเทศก็ต้องเลื่อนเวลาเดินทางออกไปในช่วงเช้าที่ผ่านมา (20)
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ยกระดับเตือนภัยน้ำท่วมขั้นสูงสุด และคาดว่าจะยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในกรุงมะนิลาและจังหวัดใกล้เคียง ตลอดทั้งวันนี้
พายุโซนร้อน “จ่ามี” (Trami) ซึ่งยังอยู่ทางตอนเหนือของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ส่งผลให้ฤดูมรสุมปีนี้มีความรุนแรงกว่าปกติ ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ตัวพายุแทบจะไม่มีการเคลื่อนที่ไปไหนตั้งแต่วานนี้ (20)
หมู่เกาะฟิลิปปินส์เผชิญกับไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อนปีละราวๆ 20 ลูก ซึ่งส่วนใหญ่จะมาในช่วงครึ่งหลังของปี และมักเป็นพายุที่มีความรุนแรง
