เอเอฟพี – เอกสารลับของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ที่เพิ่งเผยแพร่ ยืนยันการมีอยู่ของพื้นที่หวงห้าม “เอเรีย 51” ในมลรัฐเนวาดา แต่ปฏิเสธทฤษฎีสมคบคิดที่อ้างว่า ฐานทัพลึกลับกลางทะเลทรายแห่งนี้เป็นสถานที่ลงจอดของ “จานบินจากต่างดาว”
ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์และตำนานยูเอฟโอหลายเรื่องต่างเอ่ยถึง “เอเรีย 51” พื้นที่ลึกลับที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครลาสเวกัส ซึ่งว่ากันว่าสหรัฐฯใช้ซุกซ่อนหลักฐานการมาเยือนของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก
อย่างไรก็ตาม เอกสารลับของซีไอเอที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(15) กลับเอ่ยถึง เอเรีย 51 ว่าเป็นสถานที่ทดสอบเครื่องบินสอดแนม U-2 ของสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็นเท่านั้น
ซีไอเอยังไม่กล่าวถึงเหตุยานบินประหลาดตกที่เมืองรอสส์เวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก เมื่อปี 1947 ซึ่งบรรดาพวกที่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวชี้ว่า เป็นหลักฐานยูเอฟโอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และศพของ “เอเลียน” ถูกสหรัฐฯนำไปซ่อนไว้ภายในฐานทัพเอเรีย 51 แต่จากการตรวจสอบกลับพบว่า สิ่งที่ตกลงมาเป็นเพียงบอลลูนตรวจสภาพอากาศเท่านั้น
ซีไอเอ ระบุว่า ความลับเกี่ยวกับ เอเรีย 51 ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตจากดาวอังคารตามที่ร่ำลือกัน แต่เป็นที่เก็บซ่อน “เครื่องบินสอดแนมรุ่นใหม่” ไม่ให้ล่วงรู้ไปถึงหูสหภาพโซเวียต
U-2 ซึ่งได้ฉายาว่า “Dragon Lady” ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จับตาความเคลื่อนไหวของสหภาพโซเวียตจากระดับเพดานบินที่สูงมาก และโครงการพัฒนาอากาศยานชนิดนี้ก็ถือเป็นความลับสุดยอดของรัฐบาลอเมริกัน
ในเดือนเมษายนปี 1955 ซีไอเอ เลือกใช้ทะเลสาบที่เหือดแห้งกลางทะเลทรายเนวาดาเป็นสถานที่ทดสอบเครื่องบินชนิดนี้ โดยมีชื่อปรากฏอยู่ในแผนที่ว่า “เอเรีย 51”
รายงานของซีไอเอ ระบุว่า ในทศวรรษ 1950 เครื่องบินพาณิชย์จะบินอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 10,000-20,000 ฟิต ส่วนเครื่องบินรบ เช่น บี-47 สามารถบินได้สูงเกือบ 40,000 ฟิต ทว่าเครื่องบินสอดแนม U-2 จะปฏิบัติภารกิจจากระดับความสูงเกิน 60,000 ฟิตขึ้นไป ก่อให้เกิดข่าวลือเรื่อง “วัตถุบินปริศนา” ที่มักจะมีคนพบเห็นบนท้องฟ้าเหนือทะเลทรายเนวาดา
กระแสข่าวเรื่องยูเอฟโอส่วนใหญ่จะมาจากกัปตันเครื่องบินพาณิชย์ที่ขึ้นบินในเวลาเย็น และมักเข้าใจผิดเมื่อเห็นแสงสะท้อนจากปีกสีเงินของเครื่องบิน U-2
“ในยุคนั้นยังไม่มีใครเชื่อว่า เครื่องบินที่ควบคุมโดยมนุษย์จะสามารถบินเหนือระดับความสูง 60,000 ฟิตได้ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงตกใจที่เห็นวัตถุบินอยู่สูงขนาดนั้น” เอกสารฉบับนี้ ระบุ
นักบินพาณิชย์และชาวบ้านหลายคนได้ส่งจดหมายแจ้งไปยังฐานทัพอากาศในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการพบเห็นวัตถุบินประหลาด ทางกองทัพเกรงว่าการมีอยู่ของ U-2 จะรั่วไหลออกไป จึงต้องให้คำอธิบายว่า สิ่งที่เห็นเป็นเพียงปรากฏการณ์ของแสงตามธรรมชาติเท่านั้น
เครื่องบิน U-2 และภารกิจบินสอดแนมอื่นๆ “คือต้นตอของรายงานการพบเห็นยูเอฟโอกว่าครึ่งหนึ่งในทศวรรษ 1950 และเป็นส่วนใหญ่ในทศวรรษ 1960” ซีไอเอ ระบุ
รายงานเรื่อง “สำนักงานข่าวกรองกลางและการสอดแนมเหนือท้องฟ้า: เครื่องบินสอดแนม U-2 และโครงการอ็อกซ์คาร์ต ปี 1954-1974” ความยาว 400 หน้ากระดาษ ถูกนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ตามคำร้องว่าด้วยเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลที่มีประชาชนกว่า 2 ล้านคนเข้าชื่อ เมื่อปี 2005