เอเอฟพี - รัฐบาลอียิปต์ประกาศเคอร์ฟิวรายวันในกรุงไคโรและอีก 11 จังหวัด ส่วนจังหวัดอื่นๆที่เหลือทั่วประเทศก็ให้อยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ในความพยายามระงับเหตุความรุนแรงที่อาจลุกลามบานปลาย ตามหลังเหตุปราบปรามผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ที่ผันแปรสู่การนองเลือดและมีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อยๆ 278 ศพ อันเรียกเสียงประณามอย่างดุเดือดจากนานาชาติ
รัฐบาลเฉพาะกาลของอียิปต์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากทหารประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 1 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 16.00น.ของวันพุธ(ตรงกับเมืองไทย 21.00น.) เป็นต้นไป ขณะเดียวกันเฉพาะในกรุงไคโรและอีก 11 จังหวัดอื่นๆ
โฆษกรัฐบาลเผยว่าในส่วนของเคอร์ฟิวนั้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 19.00 น. จนถึง 06.00 น. เบื้องต้นนอกเหนือจากกรุงไคโรแล้ว จังหวัดอื่นๆนั้นประกอบด้วยกิซา, อเล็กซานเดรีย, เบนี ซูเอฟ, เมนยา, อัสซิอุด, ซูฮัก, เบเฮรา, นอร์ทไซไนและสุเอซ ก่อนที่ต่อมารัฐบาลจะเพิ่มจังหวัดอิสลามิเยาะห์ เข้าไปอีกหนึ่งแห่ง ขณะที่เคอร์ฟิวทั้ง 12 จังหวัดนี้มีระยะเวลา 1 เดือนเต็ม
นายอัดลี มานซูร์ ประธานาธิบดีรักษการระบุว่ามาตรการพิเศษนี้มีขึ้นขณะที่ความมั่นคงและกฎระเบียบของประเทศต้องตกอยู่ในอันตรายจากเจตนาก่อวินาศกรรม โจมตีอาคารราชการและเอกชน อันมีต้นตอจากการสูญเสียชีวิตของพวกหัวรุนแรง"
ประกาศเคอร์ฟิวและสถานการณ์ฉุกเฉินมีขึ้นตามหลังเหตุปะทะนองเลือดที่ลุกลามไปทั่วประเทศ หลังจากตำรวจเคลื่อนพลเข้าสลายการปักหลักชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนนายมอร์ซี 2 แห่งในกรุงไคโร ซึ่งเฉพาะแค่จัตุรัสราบาอา อัล-อาดาวิยา เพียงแห่งเดียว ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีก็นับผู้เสียชีวิตได้อย่างต่ำ 124 ศพแล้ว ขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุขอียิปต์ระบุว่ายอดตายรวมในเหตุความรุนแรงทั่วประเทศ อยู่ที่อย่างน้อย 278 ศพ โดยกระทรวงมหาดไทยบอกว่าในนั้นมีตำรวจรวมอยู่ด้วย 43 คน และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน
ในเวลาเดียวกับที่กำลังเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงอยู่ในเมืองหลวงนี้เอง ก็มีโบสถ์คริสต์นิกายคอปติก 3 แห่งในบริเวณภาคกลางของอียิปต์ถูกโจมตี โดยที่พวกนักกิจกรรมชาวคริสต์กล่าวหาว่าพวกอิสลามิสต์เคร่งจารีตซึ่งเป็นผู้จงรักภักดีต่อมอร์ซี เป็นผู้กระทำการเหล่านี้ ใน “สงครามล้างแค้นชาวคอปต์ในอียิปต์”
ส่วนที่เมืองอเล็กซานเดีย ได้มีผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนนายมอร์ซี ที่อยู่ในอารมณ์เดือดดาลหลายร้อยคนเดินขบวนไปทั่วเมือง ก่อจลาจลและใช้ท่อนไม้ทุบทำลายข้าวของ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายสิบคน ในเหตุความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงตามหลังกองกำลังความมั่นคงบุกจู่โจมสถานที่ปักหลักชุมนุมประท้วงสนับสนุนนายมอร์ซี 2 แห่งในกรุงไคโร
เหตุความรุนแรงในกรุงไคโร เป็นผลให้นายโมฮัมเหม็ด อัลบาราเด เจ้าของรางวัลโนเบล ยื่นหนังสือถึงประธานาธิบดีเฉพาะกาล ขอลาออกจากตำแหน่ง ขณะเดียวกับเหตุการนองเลือดครั้งนี้ก็เรียกเสียงประณามอย่างกราดเกรี้ยวจากนานานาชาติ
บัน คี มูน เลขาธิการทั่วไปสหประชาชาติเมื่อวันพุธ(14) ออกมาประณามเหตุปราบปรามผู้ประท้วงของตำรวจที่นำมาซึ่งการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากคราวนี้ "ตามหลังเหตุความรุนแรงครั้งนี้ ท่าเลขาธิการเรียกร้องประชาชนอียิปต์ทุกหมู่เหล่ามุ่งมั่นพยายามสนับสนุนให้คืนสู่ความปรองดองที่แท้จริง" มาร์ติน เนเซอร์กี โฆษกเลขาธิการยูเอ็นบอก
ในขณะที่ทางสหประชาชาติกำลังรวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆ เนเซอร์กี ระบุ "ดูเหมือนว่าจะมีประชาชนหลายร้อยคนถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะระหว่างกองกำลังความมั่นคงและผู้ประท้วง"
ด้านสหรัฐฯ เหล่าประเทศมหาอำนาจของยุโรป อิหร่าน กาตาร์และตุรกี ก็ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้กำลังกับผู้ชุมนุมของรัฐบาลอียิปต์อย่างพร้อมเพรียง โดยในส่วนอเมริกานั้นยังตำหนิถึงการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย พร้อมกันนั้นทางโฆษกทำเนียบขาว ยังเรียกร้องกองทัพอียิปต์ อดทดอดกลั้นไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ
