xs
xsm
sm
md
lg

แปลกแต่จริง! “วัยรุ่นเกาหลีใต้” แห่กรี๊ดพระเอกมาดใหม่ ในบท “สายลับโสมแดง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - พวกเขาคือเหล่านักสู้หน้าตาดี มีความกล้าหาญ รักชาติ สื่อสารได้หลายภาษา และมีสติปัญญาอันเฉียบแหลม ที่สาดกระสุนใส่เหล่าศัตรูขณะที่ยังคงภักดีต่อคนรักและครอบครัวของตัวเอง สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติของฮีโร่รูปแบบใหม่ของภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ใครๆ ก็นึกไม่ถึง ซึ่งก็คือสายลับชาวเกาหลีเหนือ!

ขณะที่ถูกผู้สร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูดถ่ายทอดให้เป็นผู้ก่อการร้ายเลือดเย็น อย่างในเรื่อง “White House Down” ภาพยนตร์ในเกาหลีใต้เริ่มสร้างภาพตัวละครเกาหลีเหนือให้เป็นแอกชันฮีโร่ผู้มีปมขัดแย้งอยู่ในใจ โดยที่การต่อสู้ส่วนตัวของเขาก็เป็นการสะท้อนให้เห็นเป็นรูปร่างของการก่อตัวของคาบสมุทรเกาหลีที่ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองแผ่นดิน

ในไม่กี่ทศวรรษก่อนหน้า ภาพยนตร์ประเภทนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ขณะนี้มันกำลังได้รับกระแสความนิยมจากวัยรุ่นโสมขาวผู้ซึ่งไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับความเลวร้ายของสงครามเกาหลี และไม่มีความรู้สึกเป็นศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคอมมิวนิสต์เท่ากับคนในยุคก่อนๆ

ในทางเทคนิคแล้ว ทั้งสองชาตินี้ยังคงเป็นคู่สงครามกัน หลังจากที่การสู้รบของสองเกาหลีสิ้นสุดลง ด้วยการทำสัญญาสงบศึกเมื่อราว 60 ปีก่อน ทว่าไม่เคยมีการทำข้อตกลงสันติภาพ โดยมีภาวะตึงเครียดปะทุขึ้นตามชายแดนที่ต่างฝ่ายต่างวางกำลังทหารไว้อย่างแน่นหนา จนนำไปสู่การเหตุปะทะกันถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย ขณะที่ทั้งสองเกาหลียังส่งสายลับไปลอบสังหารบุคคลสำคัญ หรือล้วงข้อมูลลับของฝ่ายตรงข้าม

สำหรับผู้สร้างภาพยนตร์โสมขาวแล้ว เกาหลีเหนือคือ “แรงบันดาลใจอย่างสมบูรณ์แบบ” ซึ่งทำให้พวกเขาได้มีโอกาสผสมผสานจินตนาการเข้ากับความจริงของชาติเพื่อนบ้านที่มักขู่คุกคามว่าจะเปลี่ยนกรุงโซลให้เป็น “ทะเลเพลิง” อยู่บ่อยครั้ง

“เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ลึกลับ และซ่อนเร้นที่มีพื้นที่มากมายให้คนๆ หนึ่งได้ใช้จินตนาการที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง” คิม ซุนยุบ นักวิจารณ์ภาพยนตร์ออกความเห็น

การจากไปของผู้นำที่ปกครองประเทศมายาวนานอย่าง คิม จองอิล เมื่อปี 2011 ยิ่งสร้างแรงบันดาลใจให้บรรดาผู้กำกับภาพยนตร์ จาง โชลซู ผู้กำกับของภาพยนตร์ “Secretly, Greatly” ที่ดังเป็นพลุแตกเมื่อเร็วๆ นี้ กล่าว

ภาพยนตร์แอกชันแนวเทรจิกคอมมิก ซึ่งมีผู้เข้าชมถึง 6.9 ล้านคนนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายนเรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับสามในเกาหลีใต้ปีนี้

“ไม่มีตัวละครใดที่จะสามารถสะท้อนภาพสังคมในช่วงเวลาที่ไม่มั่นคงและปั่นป่วนเช่นนี้ เท่ากับสายลับชาวเกาหลีเหนืออีกแล้ว” จางกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี

เรื่องราวของสายลับสุดปราดเปรื่องซึ่งถูกส่งไปอยู่ในเมืองย่านสลัมของกรุงโซล เพื่อทำภารกิจลอบสังหารบุคคลสำคัญ ภาพยนตร์ของจางบอกเล่าชีวิตของนักฆ่าหนุ่มที่ปลอมเป็นคนซื่อบื้อในหมู่บ้าน เพื่อให้ตัวเองดูกลมกลืนกับชาวบ้าน แต่ท้ายที่สุดเขาก็ต้องใจอ่อนให้กับเพื่อนบ้านที่ใจดีมีเมตตาและอบอุ่น ก่อนที่โศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครคาดฝันจะเกิดขึ้น

ภาพยนตร์ที่ได้รับกระแสตอบรับมากที่สุดเป็นอันดับสองในปีนี้ ของเกาหลีใต้ คือ “The Berlin Fire” ก็เป็นภาพยนตร์สายลับที่เต็มไปด้วยดาราดังซึ่งมีผู้เข้าชมถึง 7.1 ล้านคน โดยนำเสนอชีวิตของสายลับเกาหลีเหนือที่พยายามหลบหนีเข้าเกาหลีใต้พร้อมกับภรรยาที่ทำงานเป็นนักแปลในสถานทูต

ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ได้สอดแทรกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เป็นต้นว่า เหตุเรือรบของสองชาติเกาหลีปะทะกันเมื่อปี 2002 หรือการที่คิม จองอึนผู้นำโสมแดงคนใหม่ขึ้นมาปกครองประเทศ

ปัจจุบันประชากรเกาหลีใต้ยังคงถูกกระตุ้นให้รายงานให้ทางการทราบหากพบสายลับแล้วจะได้รับเงินรางวัลก้อนโต แม้ว่าจะยังไม่รุนแรงเท่าในอดีตซึ่งที่โรงเรียนสอนให้เด็กๆ เรียนรู้วิธีการสังเกตสายลับจากพฤติกรรมหรือสำเนียงพูดที่แตกต่าง

จวบจนกระทั่งปี 2011 ยังคงมีการจับกุมสายลับโสมแดงได้ที่กรุงโซลในข้อหาพยายามฆ่านักเคลื่อนไหวต่อต้านเกาหลีเหนือชื่อดัง โดยใช้เข็มอาบยาพิษเป็นอาวุธ

ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายจากสงครามเย็น ได้จุดประกายให้มีการสร้างภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของชาวเกาหลีเหนือเป็นจำนวนมากมานานหลายทศวรรษ

กรณีหนึ่งที่ตกเป็นที่สนใจของสาธารณชน คือ เหตุการณ์ที่มีกลุ่มคอมมานโดโสมแดง 30 นายถูกยิงตายที่ใจกลางกรุงโซลเมื่อปี 1968 หลังจากที่พวกเขาแอบลักลอบข้ามพรมแดนเพื่อมาปฏิบัติภารกิจสำคัญ คือการสังหารปาร์ค จุงฮี ผู้เป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในสมัยนั้น

การปรองดองกันระหว่างชาติเกาหลีเหนือและใต้ในช่วงปลายทศวรรษ 90 ซึ่งเป็นนโยบายของ คิม แดจุง และโนห์ มูเฮียน สองอดีตประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าผู้สร้างภาพยนตร์เริ่มสร้างถ่ายทอดบุคลิกของชาวเกาหลีเหนือให้มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้เคยถูกให้ภาพเป็นวายร้ายใจหิน ในสมัยที่เกาหลีใต้ยังอยู่ใต้ระบอบการปกครองแบบเผด็จการทหารต่อต้านคอมมิวนิสต์จนกระทั่งทศวรรษ 80

ผู้กำกับจางกล่าวว่า ขณะนี้บรรดาดาราวัยหนุ่มกำลังแข่งขันกันให้ได้บทสายลับเกาหลีเหนือ โดยที่ไม่กลัวเลยว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาเสื่อมเสีย

ตั้งแต่ปี 2010 มีการเปิดตัวภาพยนตร์สายลับอันโด่งดัง 5 เรื่อง และมีอีก 3 เรื่องที่อยู่ในระหว่างการถ่ายทำ โดยหนึ่งในนั้นคือ “Red Family” ซึ่งเป็นผลงานการกำกับของคิม คีดุก ผู้กำกับชื่อดังที่สร้างภาพยนตร์เสียดสีระบบทุนนิยมที่ชื่อว่า “Pieta” ซึ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเทศหนังเมืองเวนิสเมื่อปี 2012

กระแสความนิยมที่มีต่อภาพยนตร์แนวสายลับเช่นนี้ได้สะท้อนให้เห็นจุดพลิกผัน โดยในอดีตการนำเสนอภาพลักษณ์ในแง่บวกของคนเกาหลีเหนือนั้น ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎการเซนเซอร์ของรัฐบาลขั้นอย่างร้ายแรง อีกทั้งเป็นการละเมิดกฎความมั่นคงของชาติฉบับฉาวโฉ่

ลี มานฮี ผู้กำกับมือพระกาฬซึ่งล่วงลับไปแล้วก็เคยถูกจับกุมและตั้งข้อหาเมื่อปี 1965 เนื่องจากเขาถ่ายทอดภาพลักษณ์ของกองทหารโสมแดงออกมาเป็น “เป็นมนุษย์ที่มีมนุษยธรรมและความเมตตา” ในภาพยนตร์ต่อต้านระบบการปกครองคอมมิวนิสต์ของเขา

กระทั่งการคัดนักแสดงที่มีหน้าตาดีมารับบทเป็นคนเกาหลีเหนือ ยังเป็นสิ่งที่สำนักงานหน่วยข่าวกรองฉาวของโซลรับไม่ได้ โดยหน่วยงานนี้ออกมากล่าวเตือนผู้สร้างภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้งว่า “เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงของพวกคอมมิวนิสต์” ให้เด็กๆ

แต่ตอนนี้กระแสความนิยมก็เปลี่ยนทิศทางไปแล้ว

สำหรับผู้ที่รับบทเป็นตัวเอกของเรื่อง “Secretly, Greatly” คือ คิม ซูฮยุน ดาราโทรทัศน์ขวัญใจชาวเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้บรรดาแฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดกึกก้องไปทั่วโรงภาพยนตร์ในการฉายรอบแรกๆ ทันทีที่พระเอกผู้นี้เผยโฉมบนจอภาพยนตร์

“เขาดูดีมากจริงๆ ตอนที่สวมเครื่องแบบทหารเกาหลีเหนือ เป็นสายลับเกาหลีเหนือที่เท่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา” แฟนคลับคนหนึ่งกล่าวยกย่องเขาในแชทรูมที่ท่วมท้นไปด้วยคำสรรเสริญนักแสดงคนนี้

แต่ คิม นักวิจารณ์ภาพยนตร์ได้ออกมาเตือนว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับสายลับจำนวนมากในช่วงหลังๆ มานี้ มีแนวโน้มที่จะสร้างภาพของสายลับคอมมิวนิสต์ให้ดูเป็นผู้มีมนุษยธรรมมากเกินความจริง ทั้งๆ ที่ในโลกแห่งความเป็นจริงพวกเขาก็ยังคงตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งในเกาหลีใต้เนื่องจากก่อเหตุรุนแรงขึ้นทั้งสิ้น

“ภาพยนตร์เกี่ยวกับสายลับโดยส่วนใหญ่ในช่วงหลังๆ นี้ จะมีลักษณะแตกต่างจากภาพยนตร์แนวต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่เราเคยเห็นในช่วงทศวรรษ 70 อย่างมาก” คิมกล่าว โดยเรียกกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “การถ่วงดุลสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในอดีต”

อย่างไรก็ตาม จางเพิกเฉยต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว โดยระบุว่าผู้ชมวัยรุ่นทุกวันนี้ฉลาดพอที่จะแยกแยะระหว่างตัวละครและสายลับในโลกของความเป็นจริง

จาง เซยุล อดีตทหารระดับอาวุโสของเกาหลีเหนือผู้ซึ่งลักลอบหนีออกจากประเทศเข้ามาในกรุงโซลเมื่อปี 2008 เรียกภาพยนตร์ประเภทนี้ว่าเป็นหนัง “เพ้อฝัน” จากการถ่ายทอดภาพของสายลับที่ลังเลใจก่อนที่จะลงมือสังหารผู้อื่น

“สายลับจะถูกฝึกให้ฆ่าผู้ที่รู้ตัวตนของพวกเขาโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่นาทีเดียว ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หรือหญิงชราใจดี” จาง หัวหน้าอดีตทหารเกาหลีเหนือในกรุงโซล ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี
กำลังโหลดความคิดเห็น