เอเจนซีส์ – จีนกลับลำนโยบายครั้งใหญ่ โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เคอะเฉียงประกาศชัด ไม่ยอมให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า 7% แถมเตรียมพร้อมมาตรการอัดฉีดรอบใหม่ จากก่อนหน้านี้ที่พยายามผ่อนคลายความร้อนแรงด้วยการคุมเข้มสินเชื่อ นักวิเคราะห์ชี้ปักกิ่งกำลังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการคลังแต่คุมเข้มทางการเงิน
คำประกาศนี้บ่งชี้การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ หลังจากช่วงหลายเดือนมานี้ รัฐบาลปักกิ่งได้กำหนดแผนการเพื่อผ่อนคลายความร้อนแรงทางเศรษฐกิจด้วยการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ แต่ระยะหลังเริ่มเกิดความวุ่นวายในตลาดอินเตอร์แบงก์และรัฐบาลเริ่มใส่ใจคำเตือนว่า มาตรการดังกล่าวเข้มงวดเกินไป
หลี่สำทับว่า ตราบที่อัตราเติบโต การจ้างงาน และดัชนีอื่นๆ ไม่ตกต่ำกว่าขีดจำกัดต่ำสุด และเงินเฟ้อไม่เกินขีดจำกัดสูงสุดที่ 3.5% รัฐบาลจะมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างและผลักดันการปฏิรูปต่อไป
ปักกิ่ง นิวส์ สื่อของทางการแดนมังกรรายงานเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจีนมีแผนเพิ่มการใช้จ่ายก้อนใหญ่ กับโครงการทางรถไฟและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงโครงการก่อสร้างอุโมงค์ใต้ทะเลข้ามช่องแคบป๋อไห่มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์
คณะทำงานใหม่ของนายกรัฐมนตรีหลี่กำลังพยายามเปลี่ยนไปสู่การเติบโตที่มั่นคงขึ้น จำกัดสินเชื่อที่ให้แก่ภาคการผลิตเหล็กกล้า ซีเมนต์ และการต่อเรือ ซึ่งล้วนมีศักยภาพล้นเกินจำนวนมาก
ด้าน ติง ลู่ นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา มองว่า ปักกิ่งกำลังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการคลังแต่คุมเข้มทางการเงิน ซึ่งตรงข้ามกับโลกตะวันตก ทั้งนี้ เพื่อคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อควบคู่ไปกับการทุ่มงบประมาณให้แก่โครงการพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม, น้ำ, บรอดแบนด์, อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ 4G และเทคโนโลยีสารสนเทศ
แผนการใหม่นี้อิงกับการผลักดันการพัฒนาชุมชนเมือง ที่มีอาคารสงเคราะห์แทนที่กระท่อมที่กระจายอยู่เต็มเมือง ตลอดจนถึงการปฏิรูประบบหู้โขว่ (ทะเบียนบ้าน) กึ่งศักดินาที่จำกัดพื้นที่ชาวไร่ชาวนาไว้ในชนบท
หลี่ประกาศยุติการเสพติดสินเชื่อที่เบ่งบานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจาก 9 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 23 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 200% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่ผลผลิตจากสินเชื่อลดจาก 0.85 ต่อ 1 ดอลลาร์ เหลือเกือบ 0.2 ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ความอ่อนล้าของสินเชื่อ
สัปดาห์ที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)แนะนำให้จีนเปลี่ยนมาตรการโดยเตือนว่าระดับหนี้ที่สูงเกินไปทำให้ประเทศเสี่ยงต่อผลกระทบรุนแรงที่นำไปสู่วงรอบย้อนกลับแง่ลบ
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือ การธนาคารเงาที่ผลักดันการเติบโตของสินเชื่อถึงครึ่งหนึ่งในปีที่ผ่านมา ขณะที่แบงก์พยายามเลี่ยงมาตรการจำกัดการปล่อยสินเชื่อ
ไตรมาส 2 ของปีนี้จีดีพีจีนขยายตัว 7.5% จากปีที่แล้ว ทว่า ตัวเลขนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง อาทิ ไดอานา ชอยเลวา จากลอมบาร์ด สตรีท รีเสิร์ชที่เชื่อว่า เศรษฐกิจจีนในช่วงเวลาดังกล่าวหดตัวเล็กน้อยและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย หากคำนวณโดยใช้ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมที่สะท้อนเศรษฐกิจจีนได้ดีกว่า
ในสมัยที่เป็นหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ระดับภูมิภาค หลี่เคยยอมรับว่า ข้อมูลของทางการเป็นข้อมูลปั้นแต่ง แต่การใช้ไฟฟ้า การขนส่งสินค้าทางรถไฟ และสินเชื่อ เป็นดัชนีบ่งชี้ที่ดีกว่า ซึ่งดัชนีเหล่านี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 2% เท่านั้น
มาตรการกระตุ้นรอบใหม่สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วตอนที่เศรษฐกิจแผ่วลง และปักกิ่งต้องอัดฉีดการใช้จ่ายและสินเชื่อครั้งใหญ่อีกรอบ ทว่า แผนการกระตุ้นดังกล่าวส่งเสริมการเติบโตในช่วงปลายปีเท่านั้น
สำหรับครั้งนี้คาดว่า หลี่จะใช้แนวทางที่มีการปรับเทียบมากขึ้น ปีที่ผ่านมา เขาสนับสนุนให้สภาวิจัยเพื่อการพัฒนาจัดทำรายงานที่ระบุว่า จีนจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ เนื่องจากมีความเสี่ยงติดกับดักรายได้ปานกลาง หากยังคงพึ่งพิงการลงทุนในอุตสาหกรรมหนักที่มีค่าแรงต่ำและโนว์ฮาวนำเข้า แต่ควรหันไปส่งเสริมด้านเทคโนโลยี ซึ่งต้องยกเลิกการวางแผนจากบนลงล่างและสนับสนุนแนวคิดที่ลื่นไหลแทน
กระนั้น ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนยินดียกเลิกการควบคุมเข้มงวด หรือระบบอุปถัมภ์ทางเศรษฐกิจหรือไม่ และคาดว่าหลี่อาจต้องเผชิญการต่อต้านจากกลุ่มผลประโยชน์แอบแฝงในรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่
ขณะที่ไอเอ็มเอฟสำทับว่า แผนปฏิรูปของจีนเป็นเพียงโวหารที่ไม่มีการดำเนินการมารองรับ การลงทุนยังคงทำสถิติสูงสุดในโลกที่ 48% ของจีดีพี ขณะที่การบริโภคติดอยู่ที่ 35% และจีนจำเป็นต้องเร่งปรับสมดุลเศรษฐกิจของตนโดยด่วน