เอเจนซี/เอเอฟพี - อัดลี มันซูร์ ประธานาธิบดีรักษาการอียิปต์แถลงต่อสาธารณชนครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันพฤหัสบดี(18) ให้คำมั่นจะต่อสู้กับกลุ่มคนที่ผลักประเทศเข้าสู่ความยุ่งเหยิงจนถึงที่สุด ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าพวกภราดรภาพมุสลิมนัดชุมนุมใหญ่เรียกร้องคืนตำแหน่งแก่นายโมฮาเม็ด มอร์ซี อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งก็พอใจจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อขณะเดียวกันภราดรภาพมุสลิมก็เสนอกรอบการเจรจาที่มีอียูเป็นคนกลาง
นายมันซูร์ ประธานาธิบดีรักษาการอียิปต์ แถลงต่อสาธารณชนครั้งแรกนับตั้งแต่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ประกาศให้คำมั่นจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อนำพาเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศคืนมา "เรากำลังผ่านช่วงวิกฤต แต่บางคนต้องการเห็นเรามุ่งสู่ความวุ่นวาย เราต้องการมุ่งสู่เสถียรภาพ แต่บางคนต้องการเห็นเส้นทางแห่งการนองเลือด" เขาปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ "เราจะต่อสู่เพื่อความมั่นคงจนถึงที่สุด"
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเหล่าผู้สนับสนุนภราดรภาพมุสลิมวางแผนเดินขบวนบนท้องถนนสายต่างในวันศุกร์(19) เพื่อเรียกร้องคืนสถานะแก่นายมอร์ซี ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกตั้งอย่างอิสระคนแรกของประเทศ ซึ่งคาดหมายว่าจะมีผู้เข้าร่วมนับล้านคน"ถึงอิสระชนหญิงชายชาวอิยีปต์ จงออกมาต่อต้านรัฐประหารนองเลือด"
อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่ง แม้นายเกฮัด เอล-ฮัดดัด เจ้าหน้าที่ของภราดรภาพมุสลิม ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของกลุ่มเข้าเจรจากับกลุ่มการเมืองอื่นๆ บอกกับรอยเตอร์ว่ากลุ่มของพวกเขาจะไม่ถอนข้อเรียกร้องคืนสถานะแก่นายมอร์ซี แต่ก็ส่งสัญญาณเป็นครั้งแรกว่ากลุ่มภราดรภาพมุสลิมมีความตั้งใจเจรจากับฝ่ายตรงข้ามและได้ยื่นข้อเสนอกรอบการเจรจาคลี่คลายวิกฤตอียิปต์ผ่านผู้แทนของสหภาพยุโรปไปแล้ว "เราไม่เคยปิดประตูสำหรับการเจรจา"
กระนั้นก็ดีโอกาสที่วิกฤตในอียิปต์จะคลี่คลายในเร็ววันนั้นยังอยู่ห่างไกล ด้วยเบอร์นาร์ดิโน ลีออน ผู้แทนทูตของอียู ยอมรับว่าทั้งสองฝ่ายยังเห็นต่างกันมาก และยากที่จะจินตนาการว่ากองทัพจะคืนอำนาจแก่นายมอร์ซีได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อทหารปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อการรัฐประหาร และเพียงแค่เข้าแทรกแซงเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายตามหลังการประท้วงใหญ่ต่อต้านการบริหารงานของนายมอร์ซีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
ขณะที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของภราดรภาพมุสลิมก็ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า ได้ยืนยันถึงการต้องคืนตำแหน่งแก่นายมอร์ซี ระหว่างพบกับนางแคเธอรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศแห่งสหภาพยุโรป ซึ่งเดินทางเยือนกรุงไคโรเมื่อวันพุธ(17) "มันเป็นไปได้ที่จะพูดคุยหารือในกระบวนการทางการเมืองภายใต้กฎของรัฐประหาร" เขากล่าว "ผู้คนจะขึ้นไปอยู่บนท้องถนนมากขึ้นเรื่อยๆ
มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 99 คนในเหตุความรุนแรงที่ปะทุขึ้นนับตั้งแต่นายมอร์ซีถูกโค่นอำนาจ จำนวนนั้นกว่าครึ่งตายในเหตุทหารสาดกระสุนเข้าใส่ผู้ประท้วงอิสลามิสต์บริเวณรอบนอกค่ายทหารแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงบอกว่าจะมีการเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นตามสถานที่สำคัญต่างๆรับมือกับเหตุชุมนุมในวันศุกร์(19)
ส่วนขบวนการทามาร็อด กลุ่มเคลื่อนไหวที่จัดชุมนุมต่อต้านนายมอร์ซี จนนำมาซึ่งการโค่นล้มอำนาจอดีตประธานาธิบดีรายนี้ ก็นัดชุมนุมในวันศุกร์(19) เช่นกัน เพื่อแสดงพลังประชาชนต่อต้านก่อการร้าย อันเป็นกล่าวโทษฝ่ายสนับสนุนนายมอร์ซีต่อความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
นายมันซูร์ ประธานาธิบดีรักษาการอียิปต์ แถลงต่อสาธารณชนครั้งแรกนับตั้งแต่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ประกาศให้คำมั่นจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อนำพาเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศคืนมา "เรากำลังผ่านช่วงวิกฤต แต่บางคนต้องการเห็นเรามุ่งสู่ความวุ่นวาย เราต้องการมุ่งสู่เสถียรภาพ แต่บางคนต้องการเห็นเส้นทางแห่งการนองเลือด" เขาปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ "เราจะต่อสู่เพื่อความมั่นคงจนถึงที่สุด"
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเหล่าผู้สนับสนุนภราดรภาพมุสลิมวางแผนเดินขบวนบนท้องถนนสายต่างในวันศุกร์(19) เพื่อเรียกร้องคืนสถานะแก่นายมอร์ซี ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกตั้งอย่างอิสระคนแรกของประเทศ ซึ่งคาดหมายว่าจะมีผู้เข้าร่วมนับล้านคน"ถึงอิสระชนหญิงชายชาวอิยีปต์ จงออกมาต่อต้านรัฐประหารนองเลือด"
อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่ง แม้นายเกฮัด เอล-ฮัดดัด เจ้าหน้าที่ของภราดรภาพมุสลิม ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของกลุ่มเข้าเจรจากับกลุ่มการเมืองอื่นๆ บอกกับรอยเตอร์ว่ากลุ่มของพวกเขาจะไม่ถอนข้อเรียกร้องคืนสถานะแก่นายมอร์ซี แต่ก็ส่งสัญญาณเป็นครั้งแรกว่ากลุ่มภราดรภาพมุสลิมมีความตั้งใจเจรจากับฝ่ายตรงข้ามและได้ยื่นข้อเสนอกรอบการเจรจาคลี่คลายวิกฤตอียิปต์ผ่านผู้แทนของสหภาพยุโรปไปแล้ว "เราไม่เคยปิดประตูสำหรับการเจรจา"
กระนั้นก็ดีโอกาสที่วิกฤตในอียิปต์จะคลี่คลายในเร็ววันนั้นยังอยู่ห่างไกล ด้วยเบอร์นาร์ดิโน ลีออน ผู้แทนทูตของอียู ยอมรับว่าทั้งสองฝ่ายยังเห็นต่างกันมาก และยากที่จะจินตนาการว่ากองทัพจะคืนอำนาจแก่นายมอร์ซีได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อทหารปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อการรัฐประหาร และเพียงแค่เข้าแทรกแซงเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายตามหลังการประท้วงใหญ่ต่อต้านการบริหารงานของนายมอร์ซีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
ขณะที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของภราดรภาพมุสลิมก็ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า ได้ยืนยันถึงการต้องคืนตำแหน่งแก่นายมอร์ซี ระหว่างพบกับนางแคเธอรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศแห่งสหภาพยุโรป ซึ่งเดินทางเยือนกรุงไคโรเมื่อวันพุธ(17) "มันเป็นไปได้ที่จะพูดคุยหารือในกระบวนการทางการเมืองภายใต้กฎของรัฐประหาร" เขากล่าว "ผู้คนจะขึ้นไปอยู่บนท้องถนนมากขึ้นเรื่อยๆ
มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 99 คนในเหตุความรุนแรงที่ปะทุขึ้นนับตั้งแต่นายมอร์ซีถูกโค่นอำนาจ จำนวนนั้นกว่าครึ่งตายในเหตุทหารสาดกระสุนเข้าใส่ผู้ประท้วงอิสลามิสต์บริเวณรอบนอกค่ายทหารแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงบอกว่าจะมีการเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นตามสถานที่สำคัญต่างๆรับมือกับเหตุชุมนุมในวันศุกร์(19)
ส่วนขบวนการทามาร็อด กลุ่มเคลื่อนไหวที่จัดชุมนุมต่อต้านนายมอร์ซี จนนำมาซึ่งการโค่นล้มอำนาจอดีตประธานาธิบดีรายนี้ ก็นัดชุมนุมในวันศุกร์(19) เช่นกัน เพื่อแสดงพลังประชาชนต่อต้านก่อการร้าย อันเป็นกล่าวโทษฝ่ายสนับสนุนนายมอร์ซีต่อความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
