รอยเตอร์ - รัฐบาลกรีซผ่านร่างกฎหมายปลดล็อกเงินช่วยเหลือ 7,000 ล้านยูโรจากสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งจะมีผลให้พนักงานรัฐต้องตกงานนับหมื่นๆ คน วานนี้ (17) ขณะที่ชาวกรีซหลายพันออกมาประท้วงต่อต้านที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงเอเธนส์
การลงมติครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบที่หนักหนาสาหัสสำหรับรัฐบาลผสมโดยการนำของนายกรัฐมนตรี อันโตนิส ซามาราส ซึ่งเพิ่งจะเสียแนวร่วมอย่างพรรคประชาธิปไตยฝ่ายซ้ายไปกับกรณีการปิดสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ขณะนี้รัฐบาลมีเสียงเกินครึ่งของสภาเพียง 5 ที่นั่ง
หลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภา 153 จากทั้งหมด 293 คนที่เข้าประชุม ลงมติผ่านร่างกฎหมายซึ่งมีความจำเป็นต่อการที่กรีซจะปลดล็อกเงินกู้เกือบ 7,000 ล้านยูโรจากอียูและไอเอ็มเอฟ
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีผลให้พนักงานรัฐราว 25,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูและตำรวจเทศบาล ถูกลอยแพอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งทำให้ชาวกรีซออกมาเดินขบวนและนัดหยุดงานต่อต้านตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ระหว่างที่มีการลงมติ ผู้ประท้วงราว 5,000 คนที่ชุมนุมอยู่รอบอาคารรัฐสภาต่างร้องตะโกน “เราไม่ยอมจำนน ทางเลือกเดียวคือต้องสู้” ทว่าจำนวนผู้ประท้วงยังถือว่าน้อยกว่าเมื่อช่วงปีที่แล้ว
“ผมทำงานมา 12 ปี แต่พวกเขากลับมาไล่ออกในคืนเดียว... ถ้าพวกเขามีสมองสักนิด ก็ควรจะปฏิเสธเงื่อนไขกู้ยืม และนำกฎหมายบางมาตรามาพิจารณาเสียใหม่” พาตรา ฮัตซีฮาราลัมปุส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนแห่งหนึ่งกล่าวทั้งน้ำตา
นายกรัฐมนตรี ซามาราส ยังได้ประกาศลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 23% เหลือเพียง 13% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กรีซเริ่มเผชิญวิกฤตหนี้สินเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อบรรเทาความโกรธแค้นของประชาชนที่เริ่มจะรับไม่ได้กับมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวด