เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนมีรายงานข่าวแพร่สะพัดทั่วทั้งรัสเซียว่า วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดี 3 สมัยในวัย 60 ปี ได้ตัดสินใจแยกทางจากศรีภรรยาคือนางลุดมิลา ปูตินา หรือนามสกุลเดิมว่า “ชเคร็บเนวา” อย่างเป็นทางการ หลังจากที่แต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมายาวนานนับตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม ปี 1983 และมีพยานรักเป็นบุตรสาว 2 คน คือ มาริยา และเยคาเทรินา ปูตินา
จริงอยู่ที่ว่าการแยกทางกับศรีภรรยาของผู้นำรัสเซียในครั้งนี้จะมิใช่ข่าวที่สร้างความประหลาดใจมากนักต่อสาธารณชนแดนหมีขาว เนื่องจากข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงระหว่างปูตินกับภรรยาได้เกิดขึ้นเป็นระยะตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึง ข่าวสัมพันธ์สวาทระหว่างปูตินกับ “อลินา มาราตอฟนา คาบาเยวา” อดีตนักกีฬายิมนาสติกลีลาสาววัย 30 ปี
แต่ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแยกทางกับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากส่งผลกระทบต่อปูตินไม่น้อย โดยเฉพาะทางด้านจิตใจและภาพลักษณ์ แม้ทางดมิตรี เพสคอฟ โฆษกประจำตัวของปูตินจะออกมาแถลงยืนยันว่าผู้นำรัสเซียยังคงมีความพร้อมเต็มเปี่ยมทั้งด้านร่างกายและจิตใจในการทำงานในฐานะผู้นำแดนหมีขาวต่อไป
ข่าวเตียงหักของปูตินยังไม่ทันจางหาย ผู้นำรัสเซียซึ่งเคยทำงานเป็นสายลับ “เคจีบี” นานถึง 16 ปีรายนี้ก็ต้องเผชิญกับมรสุมข่าวฉาวลูกใหม่ หลังจากนายโรเบิร์ต เค. คราฟท์ มหาเศรษฐีชื่อดังชาวอเมริกันวัย 72 ปีแห่งกลุ่ม “Kraft Group” และเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอล “นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์” กับทีมฟุตบอล “นิวอิงแลนด์ เรฟโวลิวชัน” ออกมากล่าวหาผ่านสื่อในสหรัฐฯ ว่า ปูตินแอบขโมย “แหวนแชมป์ซูเปอร์โบว์ล” วงหนึ่งของทีมเพเทรียตส์ไปเมื่อปี 2005
รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ระบุ โรเบิร์ต คราฟท์อ้างว่าระหว่างที่เขาเดินทางเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซียเมื่อปี 2005 เพื่อร่วมการเจรจาทางธุรกิจ เขาได้มีโอกาสพบกับปูตินและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลรัสเซียหลายราย ซึ่งในระหว่างการพบปะกันในครั้งนั้น คราฟท์ระบุว่าเขาได้อวดแหวนแชมป์ซูเปอร์โบว์ล วงหนึ่งแก่ปูติน โดยแหวนวงดังกล่าวคือแหวนที่เขาได้รับหลังจากที่ทีมนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ของเขาคว้าแชมป์อเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล หรือศึก “ซูเปอร์โบว์ล” มาครองได้ในปีก่อนหน้า
“ผมถอดแหวนแชมป์ซูเปอร์โบว์ลออกจากนิ้วของผม และอวดมันต่อหน้าปูติน หลังจากนั้นปูตินได้ขอสวมมัน และเขาก็เดินจากไปโดยมีแหวนอันเป็นที่รักของผมติดมือไปด้วย ผมสาบานได้ว่าแหวนวงนี้มีความสำคัญทางจิตใจต่อผมมาก ถึงขนาดที่ว่าผมพร้อมจะฆ่าใครสักคนเลยทีเดียวเพื่อปกป้องแหวนวงนี้” คราฟท์กล่าว พร้อมย้ำว่า เขาถูกกีดกันจากสายลับเคจีบีอย่างน้อย 3 คนในงานเลี้ยงดังกล่าวที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ไม่ให้เข้าไปทวงแหวนแชมป์ซูเปอร์โบว์ลคืนจากปูติน โดยรายงานข่าวระบุว่า แหวนแชมป์ซูเปอร์โบว์ลวงดังกล่าวประดับด้วยเพชรมีมูลค่าประมาณ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 775,000 บาท)
เจ้าของทีมนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ในศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล และทีมนิวอิงแลนด์ เรฟโวลูชันในศึกเมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ของสหรัฐฯ รายนี้ยืนยันว่า เขาพยายามทุกวิถีทางแล้วเพื่อจะทวงคืนแหวนวงดังกล่าว จนกระทั่งทางทำเนียบขาวเข้ามาแทรกแซงเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น พร้อมขอร้องให้เขายุติการเคลื่อนไหว โดยทำเนียบขาวอ้างเหตุผลว่า ตัวเขาควรยอมเสียสละ “แหวนแค่วงเดียว” เพื่อแลกกับความสัมพันธ์อันดีและผลประโยชน์ร่วมมหาศาลระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย
อย่างไรก็ดี เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ดมิตรี เพสคอฟ โฆษกประจำตัวของปูตินออกมาแถลงตอบโต้ที่กรุงมอสโก โดยยืนยันความบริสุทธิ์ของผู้นำรัสเซียว่าไม่ได้ขโมยแหวนแชมป์ซูเปอร์โบว์ลมาจากคราฟท์ แต่แหวนวงดังกล่าวคราฟท์ต่างหากที่เป็นผู้ที่มอบแก่ปูตินเองเพื่อเป็น “ของขวัญ” แก่ผู้นำรัสเซียระหว่างการพบกันเมื่อปี 2005
เพสคอฟยืนยันว่า ตัวเขาอยู่ในเหตุการณ์ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อ 8 ปีก่อนด้วย และย้ำว่าเขาเห็นกับตาว่าคราฟท์มอบแหวนให้แก่ปูติน และไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเรื่องจึง “กลับตาลปัตร” กลายเป็นคราฟท์ออกมากล่าวหาผู้นำรัสเซียเป็น “ขโมย”
โฆษกประจำตัวผู้นำรัสเซียยังเผยว่า ปูตินได้เก็บรักษาแหวนวงดังกล่าวที่ได้รับจากนายคราฟท์เป็นอย่างดีภายในห้องสมุดของพระราชวังเครมลินที่ถูกใช้เป็นสถานที่ทำงานของผู้นำแดนหมีขาว เพราะเชื่อมาโดยตลอดว่าแหวนวงนี้เป็นของขวัญจาก “เพื่อน” ชาวอเมริกัน
ข่าวการแยกทางกับศรีภรรยาและการถูกกล่าวหาว่าขโมยแหวนแชมป์ซูเปอร์โบว์ลจากมหาเศรษฐีเมืองลุงแซม ไม่ต่างจาก “มรสุมชีวิตลูกย่อมๆ” ที่ถาโถมเข้าใส่บุรุษเหล็กนามว่าวลาดิมีร์ ปูตินในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งแน่นอนว่าบรรดาผู้สนับสนุนของปูตินคงต่างภาวนาให้ผู้นำอันเป็นที่รักของพวกเขาผ่านพ้นเรื่องร้ายเหล่านี้ไปได้โดยเร็ว ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็คงพยายามฉวยโอกาสนี้โจมตีปูตินโดยเฉพาะในแง่ของ “ความน่าเชื่อถือ”
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นต่างตอกย้ำให้เห็นว่าผู้นำรัสเซียรายนี้ยังคงเป็นหนึ่งในบุรุษผู้สามารถสร้างสีสันให้แก่เวทีโลกได้เสมอมา นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มก้าวเข้ามามีบทบาททางการเมืองในกรุงมอสโกเมื่อปี 1999