รอยเตอร์ - คณะที่ปรึกษาของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ซึ่งกำลังพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายข้อบังคับว่าด้วยการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องบิน ขอเวลาศึกษาผลกระทบเพิ่มเติมอีก 2 เดือน ก่อนจะประกาศคำแนะนำให้ทราบทั่วกันในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้
หนังสือพิมพ์ วอลล์สตรีท เจอร์เนิล รายงานเมื่อวานนี้(21)ว่า คณะทำงานของ เอฟเอเอ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะผ่อนคลายระเบียบว่าด้วยการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องบิน และมีกำหนดแถลงคำแนะนำภายในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ แต่ล่าสุด เอฟเอเอ ได้อนุมัติเวลาเพิ่มเติมอีก 2 เดือน เพื่อให้คณะทำงานได้ศึกษาอย่างละเอียดว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมือสื่อสารที่สามารถเชื่อมสัญญาณ WiFi ได้ เช่น ไอพอด, คอมพิวเตอร์แลปท็อป, อี-รีดเดอร์ และอื่นๆ จะกระทบความปลอดภัยในขณะที่เครื่องบินกำลังเทคออฟ, ลงจอด หรือไต่ระดับความสูงไม่เกิน 10,000 ฟุตหรือไม่
ทั้งนี้ เอฟเอเอ จะไม่เปลี่ยนแปลงข้อห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่บนเครื่องบิน ซึ่งเป็นคำสั่งของคณะกรรมาธิการสื่อสารสหรัฐฯ (เอฟซีซี) อยู่แล้ว
“คณะทำงานของเราจะศึกษาผลกระทบของการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพา รวมถึงคอมพิวเตอร์และกล้องดิจิทัล... แต่จะไม่เปลี่ยนแปลงข้อห้ามเรื่องอุปกรณ์สื่อสารทางเสียง” เลส ดอร์ โฆษกเอฟเอเอ แถลง พร้อมระบุว่า หน่วยงานของเขาตระหนักดีว่าผู้โดยสารทุกคนย่อมต้องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวระหว่างเดินทาง
สายการบินทั่วโลกกำหนดให้ผู้โดยสารต้องปิดเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด ระหว่างที่เครื่องกำลังเทคออฟและลงจอด ไม่ว่าจะเป็น ไอพอด, เครื่องเล่นเพลง, แลปท็อป หรืออุปกรณ์ประเภทอื่นๆ เพราะเกรงว่าจะส่งสัญญาณรบกวนคลื่นวิทยุและระบบควบคุมของเครื่องบิน
อย่างไรก็ดี ความกังวลดังกล่าวได้ลดน้อยลงมากในปัจจุบัน และรายงานฉบับร่างของ เอฟเอเอ ก็ระบุว่า อากาศยานทุกวันนี้สามารถทนคลื่นรบกวนได้มากกว่าเดิม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาก็ปล่อยสัญญาณรบกวนออกมาเพียงอ่อนๆเท่านั้น
แดเนียล สแตนซิล หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งได้ทำการวิจัยเรื่องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องบิน ชี้ว่า “อุปกรณ์ไร้สายกับโทรศัพท์เคลื่อนที่สมควรจะถูกแยกเป็นคนละกลุ่ม เพราะโทรศัพท์เคลื่อนที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงกว่า และอาจรบกวนการทำงานของเครื่องบินได้มากกว่า”