ขายหน้า! ตปท.ญี่ปุ่นโอด “งบสถานทูต” โดนตัดเหี้ยน-อับอายแขกเหรื่อจัดงานเลี้ยงสู้ “จีน” ยังไม่ได้

เอเอฟพี - กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นชี้นโยบายตัดลดรายจ่ายส่งผลกระทบถึงคุณภาพอาหารที่สถานทูตญี่ปุ่นจัดเลี้ยงเนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ และอาจทำให้แดนอาทิตย์อุทัยต้องเสียหน้าที่จัดเลี้ยงสู้ “จีน” ไม่ได้

ขณะที่รัฐบาลจีนดูเหมือนจะทุ่มงบประมาณสนับสนุนภารกิจทางการทูตยิ่งกว่าแต่ก่อน แต่สถานทูตญี่ปุ่นกลับต้องกระเบียดกระเสียนมากขึ้นทุกวัน กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นแถลง

ฟุมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น แถลงต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาเมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า งบประมาณจัดเลี้ยงของสถานทูตญี่ปุ่นลดลงถึง 40% ในช่วง 10 ปีมานี้ ทำให้แขกต่างประเทศที่ได้รับเชิญมางานสำคัญๆ เช่น งานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดิ ต่างเอาไปพูดต่อๆกันว่า สถานทูตญี่ปุ่นจัดเลี้ยงเหล้าสาเกเกรดต่ำ และของว่างที่ไม่ได้มาตรฐาน

นักการทูตผู้หนึ่งถึงกับร้องเรียนว่า สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศตะวันออกกลางที่เขาถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีงบพอเสิร์ฟ “กุ้งเทมปุระ” ทำให้แขกส่วนใหญ่ไม่อยากมางานเลี้ยง

ในทางตรงกันข้าม สถานทูตของจีนกลับได้งบอุดหนุนจากปักกิ่งจนสามารถจัดงานเลี้ยงได้อย่างหรูหราอลังการ

สำนักข่าวจิจิเพรสรายงานว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศผู้หนึ่งแสดงความผิดหวังที่เห็น “ช่องว่างโมเมนตัม” ระหว่างโตเกียวกับปักกิ่ง ซึ่งกำลังบาดหมางด้วยข้อพิพาทดินแดนกันอยู่

นักการทูตปลาดิบอีกรายเผยกับเอเอฟพีว่า สถานทูตญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก “ตั้งอยู่ในอาคารซึ่งมีเจ้าของหลายราย และหากคุณเดินลงมาจากชั้นของคุณเมื่อไหร่ จะมีคนขัดรองเท้าเดินรี่เข้ามาหาทันที”

“ในอาคารไม่มีเครื่องปั่นไฟ ดังนั้นจึงเกิดปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยมาก”

“ในทางตรงกันข้าม สถานทูตจีนมีอาคารสถานที่สวยงาม และตอนที่ผมเข้าไปที่นั่นเมื่อ 2-3 ปีก่อน พวกเขากำลังสร้างตึกใหม่ด้วย”

เจ้าหน้าที่จากพรรครัฐบาลแอลดีพีคนหนึ่งยอมรับว่า บางครั้งสถานทูตญี่ปุ่นก็เสิร์ฟอาหารคุณภาพต่ำเสียจนน่าดูถูก

“บางครั้งรายการอาหารก็แย่มาก จนดูเหมือนไม่ใช่การจัดเลี้ยงเลย”

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่นออกมาปฏิเสธคำร้องเรียนเหล่านี้ โดยเผยกับจิจิเพรสว่า “คุณภาพอาหารหรือไวน์ไม่ได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ทูต”

นอกจากจะช่วงชิงตำแหน่งมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกไปจากญี่ปุ่นเมื่อปี 2010 แล้ว จีนยังพยายามใช้มนต์เสน่ห์ทางการทูตเพื่อเปิดตลาดขายสินค้าในหลายๆภูมิภาคทั่วโลกด้วย