เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ทีมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในมลรัฐโคโลราโดของสหรัฐฯ สามารถควบคุมไฟป่า “แบล็ก ฟอเรสต์” ซึ่งเป็นไฟป่าที่ถูกระบุว่ามีความรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมลรัฐแห่งนี้ ได้กว่าร้อยละ 65 แล้ว ในวันอาทิตย์ (16) ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากไฟป่าครั้งนี้ยังคงยืนอยู่ที่ 2 รายตามเดิม แต่จำนวนบ้านเรือนที่ถูกเผาจนวอดได้เพิ่มเป็นเกือบ 500 หลังแล้ว
รายงานข่าวของ “เดอะ เดนเวอร์ โพสต์” หนังสือพิมพ์รายวันเก่าแก่ซึ่งก่อตั้งในมลรัฐโคโลราโด มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1892 ระบุ ไฟป่าแบล็ก ฟอเรสต์ซึ่งเริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อวันอังคาร(11 )ได้เผาทำลายบ้านเรือนของประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 485 หลัง และพื้นที่ป่ากว่า 14,198 เอเคอร์ รวมถึงทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งถูกระดมกำลังมาจากทั่วทั้งมลรัฐโคโลราโด จำนวน 1,175 นายสามารถควบคุมการลุกลามของไฟป่าได้กว่าร้อยละ 65 แล้ว แม้เจ้าหน้าที่ต้องทำการควบคุมเพลิงท่ามกลางกระแสลมที่พัดแรงและสภาพอากาศที่แห้ง
ด้านเทร์รีย์ เมคตา หัวหน้าเขตปกครองเอล ปาโซ เคาน์ตี้เผยกับผู้สื่อข่าวโดยยืนยัน ยังไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากผู้เสียชีวิต 2 รายที่พบเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งก็ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ ขณะเดียวกันเมคตาย้ำว่า ประชาชนที่อพยพทิ้งบ้านเรือนของตนเพื่อหนีไฟป่าแบล็ก ฟอเรสต์ครั้งนี้ ยังคงต้องรอจนถึงวันพฤหัสบดี (20) จึงจะได้รับอนุญาตให้กลับเข้าไปยังบ้านเรือนของตนได้ เพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัย
ทั้งนี้ ไฟป่าแบล็ก ฟอเรสต์ถือเป็นไฟป่าที่มีความรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์มลรัฐโคโลราโด ทำลายสถิติของไฟป่า “วัลโด แคนยอน” ในปี 2012 ที่ทำลายบ้านเรือนไป 346 หลังในครั้งนั้น ส่วนสาเหตุของไฟป่าแบล็กฟอเรสต์ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แม้หลายฝ่ายจะคาดว่าหายนะครั้งนี้น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์
