เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สื่อดังแห่งดูไบรายงาน นักธุรกิจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทุ่มเงินเกือบ 800 ล้านบาท เพื่อร่วมโครงการสร้างตึกสูงที่สุดในประเทศไทย
รายงานข่าวซึ่งอ้างนิตยสารธุรกิจรายสัปดาห์ชื่อดัง “อาระเบียน บิสเนสส์” ซึ่งมีฐานอยู่ในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระบุว่า อัสการ์ ชากูร์ ปาเตล มหาเศรษฐีเชื้อสายอินเดีย ซึ่งเป็นประธานกลุ่มบริษัท “เฮาส์ ออฟ ปาเตลส์ กรุ๊ป” ยอมทุ่มเงิน 27.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 788 ล้านบาท) ในโครงการก่อสร้างอาคาร “มหานคร ทาวเวอร์” ที่กำลังจะกลายเป็นตึกที่สูงที่สุดของประเทศไทย
บาเตลซึ่งมีเชื้อสายอินเดีย แต่ปักหลักทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน การขนส่งและลอจิสติกส์อยู่ในยูเออี เปิดเผยผ่าน อาระเบียน บิสเนสส์ โดยระบุว่า เขายอมทุ่มเงินเกือบ 800 ล้านบาท เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการก่อสร้างดังกล่าว เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ปาเตล ยังเผยว่าการที่ประเทศไทยมีสัดส่วนของชนชั้นกลางขนาดใหญ่ยังเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการที่จะช่วยสนับสนุนโครงการพัฒนาต่างๆ ในอนาคต พร้อมระบุ เตรียมหาช่องทางระดมทุนเพิ่มเติมด้วยการนำเสนอโครงการก่อสร้างมหานคร ทาวเวอร์ ต่อบรรดานักลงทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
รายงานข่าวระบุว่า โครงการก่อสร้างตึกสูงที่สุดในประเทศไทยดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2015 โดยเมื่อก่อสร้างเสร็จจะมีความสูงถึง 314 เมตร และมีทั้งสิ้น 77 ชั้น ขณะที่ภายในโครงการจะมีทั้งโรงแรม ร้านค้าปลีก และที่พักอาศัย ส่วนราคาจำหน่ายคาดว่าจะเริ่มต้นที่ราว 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (เกือบ 30 ล้านบาท) ต่อยูนิต ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ มีรายงานว่ามูลค่าการลงทุนทั้งหมดในโครงการก่อสร้างมหานคร ทาวเวอร์ แห่งนี้อาจสูงถึง 640 ล้านดอลลาร์ (ราว 18,530 ล้านบาท)