เอเอฟพี - สตรีต่างชาติที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในอินเดียลดลงถึง 35% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หลังเกิดคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ผลสำรวจเผย
สมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย (ASSOCHAM) แถลงวานนี้ (31) ว่า โดยภาพรวมแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 25% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเลือกไปพักผ่อนในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างมาเลเซียและไทย แทน
คดีข่มขืนนักศึกษากายภาพบำบัดหญิงวัย 23 ปี บนรถเมล์กลางกรุงนิวเดลีเป็นชนวนให้ชาวอินเดียทั่วประเทศลุกขึ้นมาประท้วงการทำร้ายเพศแม่ ทว่าหลังจากนั้นก็ยังคงมีผู้หญิงสาวถูกชายฉกรรจ์ข่มขืนอีกหลายครั้ง
แม้แต่นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นชาวต่างชาติก็ไม่วายตกเป็นเหยื่อ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว มีนักปั่นจักรยานสาวชาวสวิส ถูกรุมโทรมที่แคว้นมัธยประเทศ และเมื่อเดือนมกราคมหญิงชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งก็ถูกบุตรชายเจ้าของโรงแรมที่เธอไปพักฉุดไปข่มขืนที่รัฐเดียวกันนี้
เหตุการณ์ทั้งสอง “ทำให้ผู้หญิงที่คิดจะมาท่องเที่ยวในประเทศนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย” ดี.เอส.ราวัต เลขาธิการใหญ่สมาคม ASSOCHAM ซึ่งเก็บข้อมูลจากบริษัททัวร์ 1,200 แห่งในอินเดีย ให้สัมภาษณ์
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกือบร้อยละ 72 ระบุว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน กลับมีนักท่องเที่ยวขอยกเลิกทัวร์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงจากประเทศตะวันตก เช่น แคนาดา, สหรัฐฯ และออสเตรเลีย
ราวัต ชี้ว่า มาตรฐานความปลอดภัยที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ คือสาเหตุหลักที่นักท่องเที่ยวมาเยือนอินเดียน้อยลง ส่วนภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก็มีผลบ้างเล็กน้อย
“สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อรัฐบาลหลายประเทศออกคำเตือนให้พลเมืองระมัดระวัง หรือหลีกเลี่ยงการมาเที่ยวอินเดีย” แถลงการณ์จากสมาคม เผย