เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่เรือนจำกวนตานาโมของสหรัฐฯ ไม่เคยแสดงพฤติกรรมดูหมิ่น หรือปฏิบัติต่อพระคัมภีร์อัลกุรอานอย่างไม่เหมาะสมตามที่นักโทษมุสลิมกลุ่มหนึ่งกล่าวหาและอดอาหารประท้วง นายพลระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ แถลง วานนี้ (20)
นักโทษอย่างน้อย 24 รายในเรือนจำกวนตานาโม พร้อมใจกันอดอาหารเพื่อประท้วงการดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอานโดยผู้คุมซึ่งเข้าไปตรวจค้นเรือนจำ ทนายฝ่ายนักโทษระบุ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้ากองบัญชาการทหารส่วนใต้ (Southern Command) ยืนยันกับสื่อมวลชนว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระ
“ไม่มีใครล่วงละเมิดคัมภีร์อัลกุรอานแน่นอน” เคลลีกล่าว พร้อมทั้งอธิบายว่าทางเรือนจำมอบหมายให้ล่ามมุสลิมเป็นผู้จัดการกับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่พบในคุก
“คัมภีร์อัลกุรอานไม่เคยถูกละเมิดหรือปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าโดยวิธีการใดๆ ก็ตาม”
ขณะนี้มีผู้ต้องขังถึง 24 รายที่พากันอดอาหารประท้วง เพิ่มจากสัปดาห์ที่แล้วประมาณเท่าตัว แต่ เคลลี ยืนยันว่า นักโทษบางคนไม่ได้อดอาหารเสียทีเดียว เพียงแต่ทานไม่มากนัก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ถือว่าการงดอาหารต่อเนื่องกันเกิน 9 มื้อเป็นการอดอาหารประท้วง ซึ่งนักโทษบางคนก็ไม่ได้รับประทานอาหารเลย แต่ถูกให้อาหารผ่านทางสายยางแทน
พล.อ.เคลลีระบุว่า เรือนจำไม่เคยใช้กำลังบังคับนักโทษ แต่ทนายและนักสิทธิมนุษยชนมองว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่เรือนจำกระทำไม่ต่างจากการ “บังคับให้กิน” (force feeding)
นักโทษกลุ่มนี้ตัดสินใจปฏิเสธอาหาร เพราะผิดหวังที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังไม่สั่งปิดเรือนจำกวนตานาโมที่ตั้งอยู่ในฐานทัพเรือสหรัฐฯ ทางตอนใต้ของคิวบา
เรือนจำกวนตานาโมเปิดใช้งานเมื่อปี 2002 โดยเป็นสถานที่คุมขังกลุ่มติดอาวุธที่ถูกสหรัฐฯ จับกุมระหว่างการทำสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช หลังเกิดเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001
โอบามา รับปากจะปิดเรือนจำแห่งนี้เพื่อยุติปัญหา หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกเมื่อปี 2009 แต่แผนดังกล่าวก็ถูกขัดขวางในสภาคองเกรส ทำให้เรือนจำกวนตานาโมยังคงเป็นที่คุมขังนักโทษ 166 คนมาจนทุกวันนี้
นักโทษส่วนใหญ่ยังไม่ถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ และถูกจองจำไว้โดยปราศจากวี่แววที่จะได้อิสรภาพ
นักโทษอย่างน้อย 24 รายในเรือนจำกวนตานาโม พร้อมใจกันอดอาหารเพื่อประท้วงการดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอานโดยผู้คุมซึ่งเข้าไปตรวจค้นเรือนจำ ทนายฝ่ายนักโทษระบุ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้ากองบัญชาการทหารส่วนใต้ (Southern Command) ยืนยันกับสื่อมวลชนว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระ
“ไม่มีใครล่วงละเมิดคัมภีร์อัลกุรอานแน่นอน” เคลลีกล่าว พร้อมทั้งอธิบายว่าทางเรือนจำมอบหมายให้ล่ามมุสลิมเป็นผู้จัดการกับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่พบในคุก
“คัมภีร์อัลกุรอานไม่เคยถูกละเมิดหรือปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าโดยวิธีการใดๆ ก็ตาม”
ขณะนี้มีผู้ต้องขังถึง 24 รายที่พากันอดอาหารประท้วง เพิ่มจากสัปดาห์ที่แล้วประมาณเท่าตัว แต่ เคลลี ยืนยันว่า นักโทษบางคนไม่ได้อดอาหารเสียทีเดียว เพียงแต่ทานไม่มากนัก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ถือว่าการงดอาหารต่อเนื่องกันเกิน 9 มื้อเป็นการอดอาหารประท้วง ซึ่งนักโทษบางคนก็ไม่ได้รับประทานอาหารเลย แต่ถูกให้อาหารผ่านทางสายยางแทน
พล.อ.เคลลีระบุว่า เรือนจำไม่เคยใช้กำลังบังคับนักโทษ แต่ทนายและนักสิทธิมนุษยชนมองว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่เรือนจำกระทำไม่ต่างจากการ “บังคับให้กิน” (force feeding)
นักโทษกลุ่มนี้ตัดสินใจปฏิเสธอาหาร เพราะผิดหวังที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังไม่สั่งปิดเรือนจำกวนตานาโมที่ตั้งอยู่ในฐานทัพเรือสหรัฐฯ ทางตอนใต้ของคิวบา
เรือนจำกวนตานาโมเปิดใช้งานเมื่อปี 2002 โดยเป็นสถานที่คุมขังกลุ่มติดอาวุธที่ถูกสหรัฐฯ จับกุมระหว่างการทำสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช หลังเกิดเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001
โอบามา รับปากจะปิดเรือนจำแห่งนี้เพื่อยุติปัญหา หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกเมื่อปี 2009 แต่แผนดังกล่าวก็ถูกขัดขวางในสภาคองเกรส ทำให้เรือนจำกวนตานาโมยังคงเป็นที่คุมขังนักโทษ 166 คนมาจนทุกวันนี้
นักโทษส่วนใหญ่ยังไม่ถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ และถูกจองจำไว้โดยปราศจากวี่แววที่จะได้อิสรภาพ