เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ข้อมูลจากรายงานฉบับล่าสุด ที่มีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (17) โดย “อิรัก บอดี้ เคาท์” หรือ “ไอบีซี” กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและการประเมินความสูญเสียจากสงครามในอิรัก ระบุว่า มีพลเรือนอย่างน้อย 112,000 รายถูกสังหารในอิรัก ตลอดระยะเวลา 10 ปีหลังจากที่สหรัฐฯเปิดฉากเป็นแกนนำในการรุกรานอิรักเพื่อโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2003
รายงานของกลุ่มไอบีซีซึ่งมีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักรระบุว่า ตลอด 1 ทศวรรษนับตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมปี 2003 ที่กองกำลังนานาชาติภายใต้การนำของสหรัฐฯบุกเข้าสู่แผ่นดินอิรักนั้น มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างน้อย 112,017 - 122,438 คนถูกสังหาร แต่หากนับรวมกำลังพลของฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำสงครามในอิรักแล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดอาจพุ่งสูงถึง 174,000 คน
ข้อมูลจากรายงานฉบับล่าสุดของกลุ่มไอบีซียังระบุว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา กรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรักยังคงเป็นพื้นที่ที่อันตรายที่สุดของประเทศ โดยกรุงแบกแดดเป็นพื้นที่ที่มีผู้ถูกสังหารมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนกว่า 48 เปอร์เซ็นต์หรือเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ที่ถูกสังหารจากเหตุรุนแรงทั่วประเทศ โดยเฉพาะในช่วงระหว่างปี 2006 และ 2008 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ “นองเลือด” ที่สุด
รายงานยังระบุว่า ในขณะนี้สถิติการเกิดความรุนแรงในอิรักยังคงพุ่งสูง โดยยังมีพลเรือนที่ต้องเสียชีวิตในแต่ละปีระหว่าง 4,000-5,000 คน ขณะที่จำนวนสมาชิกของกองกำลังนานาชาติภายใต้การนำของสหรัฐฯที่ต้องเสียชีวิตในแผ่นดินอิรักระหว่างปี 2003 จนถึงการถอนตัวออกจากอิรักในเดือนธันวาคม 2011 นั้น พบว่ามีอย่างน้อย 4,804 ราย