เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติระงับใช้มาตรการปิดล้อมด้านอาวุธกับโซมาเลียเป็นเวลา 1 ปี วานนี้(6) เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลสามารถนำเข้าอาวุธบางประเภทมาใช้ต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์
สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นทั้ง 15 ประเทศมีมติเป็นเอกฉันท์ให้อนุญาตการจำหน่ายอาวุธเบาแก่กองทัพโซมาเลีย เพื่อช่วยให้อำนาจรัฐแผ่ขยายเข้าไปถึงพื้นที่ห่างไกลที่ถูกกลุ่มติดอาวุธ อัล-เชบับ ยึดครองไว้ได้
มาตรการปิดล้อมด้านอาวุธกับโซมาเลียถูกประกาศไว้ตั้งแต่ปี 1992 หรือ 1 ปีหลังจากที่จอมเผด็จการ โมฮาเหม็ด ไซอัด บาร์เร ถูกโค่นอำนาจลง และนับเป็นคำสั่งห้ามจำหน่ายอาวุธที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในปัจจุบัน
รัฐบาลชั่วคราวโซมาเลียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังแอฟริกันเริ่มฟื้นฟูอำนาจตนเองได้ หลังมีชัยครั้งใหญ่เหนือกลุ่ม อัล-เชบับ ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี ฮัสซัน ชัยค์ โมฮาหมัด ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำโซมาเลียเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว พยายามเรียกร้องให้นานาชาติผ่อนคลายมาตรการปิดล้อมด้านอาวุธ ซึ่งสหรัฐฯเองก็เห็นชอบ
โมฮาหมัด กล่าวชื่นชมคำสั่งล่าสุดของยูเอ็นว่า “เป็นภาพสะท้อนพัฒนาการและสถานการณ์การเมืองในโซมาเลียอย่างถูกต้อง”
“ทหารโซมาเลียซึ่งได้รับการฝึกฝนจากพันธมิตรนานาชาติได้เดินทางกลับประเทศแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงร่วมกับกองทัพแอฟริกันในโซมาเลีย (AMISOM)ได้ เนื่องจากรัฐบาลขาดอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น... การระงับคำสั่งคว่ำบาตรอาวุธคือสิ่งจะมาเติมเต็มในจุดนี้”
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นประกาศมติที่ 2093 ซึ่งมีผลให้มาตรการปิดล้อมด้านอาวุธกับโซมาเลียถูกยกเลิกเป็นเวลา 1 ปี โดยหลังจากนี้ รัฐบาลโซมาเลียจะสามารถสั่งซื้ออาวุธเบาเข้าไปเสริมศักยภาพกองทัพ ยกเว้นขีปนาวุธชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศ, ปืนขนาดเล็ก, ปืนครก, ปืนใหญ่, กล้องจับภาพในเวลากลางคืน รวมถึงกระสุนและอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ร่วมกับอาวุธที่กล่าวมา
นอกจากนี้ การจำกัดขนาดกระสุนไม่เกิน 12.7 มม. หมายความว่ารัฐบาลโซมาเลียจะสั่งซื้อได้อย่างมากก็เพียงปืนกลหนักเท่านั้น
