เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ มีกำหนดออกเดินทางเยือน 9 ประเทศทั้งในยุโรปและภูมิภาคตะวันออกกลาง ภายในระยะเวลา 11 วัน โดยเริ่มจากการออกเดินทางเยือนกรุงลอนดอนของอังกฤษเป็นที่หมายแรกในวันอาทิตย์ (24) ถือเป็นการออกเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนที่ 68 ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
รายงานข่าวระบุว่า เคร์รี วัย 69 ปี จะเดินทางเยือนกรุงลอนดอนของอังกฤษเป็นที่หมายแรก ตามมาด้วยกรุงเบอร์ลิน ของเยอรมนี, กรุงปารีส ของฝรั่งเศส, กรุงโรม ของอิตาลี, กรุงอังการา ของตุรกี, กรุงไคโร ของอียิปต์, กรุงริยาดห์ ของซาอุดีอาระเบีย, กรุงอาบู ดาบี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเดินทางเยือนกรุงโดฮา นครหลวงของกาตาร์ ก่อนที่เคร์รีจะเดินทางกลับสหรัฐฯในวันที่ 6 มีนาคม
เป็นที่คาดกันว่า สงครามกลางเมืองในซีเรีย โครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านและความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์จะเป็นประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือมากที่สุด ในการเดินทางเยือนต่างประเทศของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯครั้งนี้
ไฮไลต์สำคัญของการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเคร์รี หลังจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะอยู่ที่การเยือนกรุงโรม ของอิตาลี ที่เคร์รีจะได้พบหารือกับบรรดาสมาชิกระดับแกนนำของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียเป็นครั้งแรก โดยการพบหารือดังกล่าวมีขึ้นในจังหวะเวลาเดียวกับที่ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ล่าสุดระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งในซีเรียไปแล้วเกือบ 70,000 คน ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นอกเหนือจากประเด็นสงครามกลางเมืองในซีเรียแล้ว นักวิเคราะห์ระบุว่าบรรดาผู้นำของชาติต่างๆ ในตะวันออกกลาง จะใช้โอกาสนี้ประเมินจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐฯในสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของสหรัฐฯต่อความก้าวหน้าในการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน และประเด็นสันติภาพตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
