เอเอฟพี – บริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็น ซัมซุง, แอลจี, หรือฮุนได เวลานี้ต่างกำลังประสบความลำบาก เพราะหลังจากอุตส่าห์แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งชาวญี่ปุ่นมาครองได้หลายปี มาถึงวันนี้เงินเยนแดนอาทิตย์อุทัยกำลังอ่อนตัวขณะที่เงินวอนแดนกิมจิกลับสวนทางแข็งโป๊กขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ผลกำไรของบริษัทเหล่านี้อย่างหนักหน่วง
ค่าเงินวอนเกาหลีใต้ขณะนี้แข็งขึ้นถึง 27% แล้วเมื่อเทียบเงินเยนญี่ปุ่น หากคำนวณเปรียบเทียบกับช่วงต้นปี 2012 สืบเนื่องจากคำมั่นสัญญาของชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแดนอาทิตย์อุทัย ที่จะเร่งผ่อนคลายนโยบายการเงิน จึงทำให้มูลค่าของเงินเยนอ่อนยวบลง
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เงินวอนก็แข็งขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 17 เดือนที่ 1,054.49 วอนแลกได้ 1 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 15 มกราคม สวนทางกับเยนที่รูดลงทำสถิติต่ำสุดเมื่อเทียบเงินตราสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
แวดวงธุรกิจเกาหลีใต้กำลังจับตาแนวโน้มนี้ด้วยความวิตกกังวล เนื่องจากยอดขายนอกประเทศคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของมูลค่าเศรษฐกิจของแดนโสมขาว
ทศวรรษที่ผ่านมา เกาหลีใต้สามารถชิงส่วนแบ่งตลาดส่งออกของญี่ปุ่นมาได้เป็นกอบเป็นกำ โดยสองประเทศห้ำหั่นกันตัวต่อตัวทั้งในภาคอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ การขนส่งสินค้าทางเรือ และการผลิตเหล็กกล้า
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งเกาหลีของแดนโสมขาว ระบุว่า ขณะที่ในปี 2000 ผลิตภัณฑ์ส่งออกสำคัญที่สุด 50 ตัวแรกของสองประเทศนี้มีที่ทับซ้อนกันเพียง 20% แต่ถึงวันนี้ตัวเลขกลับเพิ่มเป็นกว่า 50%
ชิน ฮุนซู จากสถาบันเพื่อเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและการค้าแห่งเกาหลี แจกแจงว่า การอ่อนตัวของเงินเยนแม้มีผลกระทบเพียงจำกัดต่อพวกอุตสาหกรรมไอที อย่างเช่น สมาร์ทโฟนที่เกาหลีใต้นำห่างหลายขุม ทว่าสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเหล็กกล้าแล้ว กลับมีความอ่อนไหวต่อการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม ดังนั้นจากนี้ไปอุตสาหกรรมเหล่านี้จึงต้องเผชิญปัญหาใหญ่
อันที่จริง ผู้ผลิตอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุง บริษัทเทคโนโลยีใหญ่สุดของโลก และฮุนได ค่ายรถเบอร์ 1 ของเกาหลีใต้ รับรู้ถึงผลกระทบแล้วด้วยซ้ำ โดยสะท้อนออกให้เห็นในรายงานผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายปี 2012
ฮุนได มอเตอร์ ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทรถอันดับ 5 ของโลกด้วย รายงานว่า กำไรจากการดำเนินงานไตรมาสที่ผ่านมาร่วงลงเกือบ 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้มียอดขายเพิ่มขึ้น 11% ก็ตาม
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของฮุนไดออกมาเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คู่แข่งจากญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า และฮอนด้า เร่งฉกฉวยความได้เปรียบจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง โดยรุกใหญ่ในตลาดที่มีการแข่งขันดุเดือดอย่างออสเตรเลียและรัสเซีย
ด้านเกีย ซึ่งปัจจุบันเป็นกิจการหนึ่งในเครือของฮุนไดสำทับว่า การแข็งค่าของวอนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่แล้วดิ่งฮวบถึง 51% จากช่วงเดียวกันปี 2011 และปัก ฮันวู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทแถลงว่า กำลังพิจารณาขึ้นราคารถส่งออกหากวอนยังแข็งค่าต่อเนื่อง
แม้แต่ผู้เล่นชั้นนำอย่างซัมซุง ก็ใช่ว่าจะมีภูมิต้านทานกับภาวการณ์ในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่ทั่วด้าน
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ชิปหน่วยความจำ และทีวีจอแบนแถวหน้าของโลกแห่งนี้รายงานว่า มีกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดทำสถิติ 8.84 ล้านล้านวอนในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว แต่สำทับว่า การแข็งค่าของวอนทำให้ผลกำไรหายไปถึง 360,000 ล้านวอน
ซัมซุงยังเตือนว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งขึ้นอาจทำให้กำไรจากการดำเนินงานในปี 2013 นี้ หดหายไปถึง 3 ล้านล้านวอน และคำเตือนนี้ฉุดราคาหุ้นของบริษัทดิ่งทำสถิติต่ำสุดในรอบ 2 เดือนทันตาเห็น
ทั้งนี้ แม้ซัมซุงนำหน้าคู่แข่งญี่ปุ่นอย่างโซนี่ และชาร์ป แทบไม่เห็นฝุ่นในตลาดอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ธุรกิจชิปหน่วยความจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเงินเยนยังอ่อนตัวลงเมื่อเทียบดอลลาร์ในระยะยาว
แอลจี คู่แข่งของซัมซุง รายงานว่า ขาดทุนสุทธิ 467,800 ล้านเยนในไตรมาสที่ผ่านมา หรือ 4 เท่าของยอดขาดทุนในปี 2011 และคาดว่ายอดขายที่ตกลง 2.3% อยู่ที่ 13.5 ล้านล้านวอนนั้น จะยังคงดิ่งลงต่อ
จุง โดฮุน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแอลจี แถลงเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วว่า ปกติไตรมาสแรกของปีเป็นช่วงที่ยอดขายทีวีตกต่ำอยู่แล้ว มิหนำซ้ำบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินวอนด้วย